นโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน

  การจัดการด้านความยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้กฎหมาย ข้อกำหนด กฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และครอบคลุมถึงการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า พร้อมให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ การจัดการของเสียอย่างเป็นระบบ การคำนึงถึงการจัดการดูแลและควบคุมผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ พร้อมส่งเสริมให้พนักงานมีจิตสำนึกและมีส่วนร่วมในการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในด้านการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า

นโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยยึดมั่นในการปรับปรุงขั้นตอนต่างๆ รวมถึงการสร้างจิตสำนึกแก่พนักงานทุกระดับโดยมีแนวทาง ส่งเสริมพัฒนาเทคโนโลยี โดยคำนึงถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ ส่งเสริมและปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ส่งเสริมความเชื่อถือในสังคมและชุมชน และส่งเสริมการอบรมเพื่อสร้างจิตสำนึกแก่พนักงานทุกระดับ

แนวปฏิบัติ

  • ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด และระเบียบปฏิบัติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
  • ทบทวนนโยบาย วิธีการจัดการ และติดตามผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ
  • สนับสนุนการใช้เครื่องมือ เทคโนโลยี และขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆ ที่มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม
    โดยคำนึกถึงการควบคุมปริมาณและการจัดการของเสียอย่างถูกต้องเหมาะสม
  • เปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ อย่างถูกต้องและโปร่งใส
  • ให้ความรู้พร้อมสนับสนุนกิจกรรมที่สร้างจิตสำนึกให้กับพนักงานให้มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

การประเมินผลกระทบ

ด้วยบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจในรูปแบบของโรงงานการผลิตน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ดังนั้นการผลิตตั้งแต่เริ่มจะมีส่วนการใช้น้ำและการใช้ไฟฟ้าอย่างมากเพื่อให้กระบวนการผลิตสามารถดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการผลิตจะมีของเสียอาทิเช่น น้ำเสีย และของเสียจากปาล์ม บริษัทฯ ได้พิจารณาผลกระทบพบว่าประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมีผลกระทบร้ายแรงต่อบริษัทฯ จึงได้กำหนดแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปตามหลัก
อาชีวอนามัยและความปลอดภัย และให้เป็นไปตามตามกฎหมาย ข้อกำหนด และระเบียบปฏิบัติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด

ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม  

1)      การจัดการน้ำ

บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญในการใช้ประโยชน์จากน้ำให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด จึงได้จัดทำมาตรการแนวปฏิบัติการประหยัดน้ำและกระบวนการดูแลระบบน้ำขึ้นจำนวน 4 มาตรการ ดังนี้

มาตรการที่ 1     มาตรการซ่อมบำรุงท่อส่งน้ำและระบบการจ่ายน้ำภายในกระบวนการผลิต เพื่อลดการรั่วไหล

มาตรการที่ 2     มาตรการแยกประเภทน้ำภายในโรงงาน และ จัดประเภทน้ำให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อใช้งานน้ำอย่างคุ้มค่ามากที่สุด

มาตรการที่ 3     มาตรการนำน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิต (Reject RO) กลับมาใช้งานเป็นน้ำประปา (ประปาเกรด B) เพื่อลดปริมาณใช้น้ำดิบที่กระบวนการผลิต

มาตรการที่ 4     มาตรการการติดตามการใช้น้ำ หน่วยงานผู้ดูแลระบบน้ำ มีการทำรายงานสรุปปริมาณการใช้น้ำเปรียบเทียบกับปริมาณการผลิตสินค้า เพื่อแจ้งให้หน่วยงานผู้ใช้น้ำทราบถึง อัตราส่วนการใช้น้ำของแต่ละหน่วยงานทุกเดือน 

เป้าหมายการใช้น้ำ

  • บริษัทฯ สามารถนำน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิต (Reject RO) กลับมารีไซเคิลใช้งานเป็นน้ำประปา (ประปาเกรด B) เพื่อลดปริมาณใช้น้ำดิบที่กระบวนการผลิต
  • บริษัทฯ จะใช้น้ำประปาจากภายนอก เฉพาะกรณีเครื่องจักรอุปกรณ์ในส่วนการนำน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิต (Reject RO) กลับมาใช้งานเป็นน้ำประปา (ประปาเกรด B) เกิดการขัดข้องเท่านั้น

ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา

  • บริษัทฯ ยังคงสามารถนำน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิต (Reject RO) กลับมาใช้งานเป็นน้ำประปาสำหรับใช้ในกระบวนเข้าผลิตและน้ำใช้ในโรงงานได้ตามเป้าหมาย
  • บริษัทฯ ยังคงดำเนินการมาตรการเดิมอย่างต่อเนื่อง เช่น นำน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิต (Reject RO) กลับมาใช้งานเป็นน้ำประปาสำหรับใช้ในกระบวนเข้าผลิตและน้ำใช้ในโรงงานได้ตามเป้าหมาย
  • ปรับปรุง Line ท่อน้ำประปา และ จุดรั่วไหล เพื่อลดปริมาณน้ำที่สูญเสียในระบบ
  • ไม่มีการใช้น้ำประปาจากภายนอก

สถิติการใช้น้ำในกระบวนการผลิตและการใช้งานในส่วนงานต่างๆ

ข้อมูล

หน่วย

ปี 2566

ปี 2565

ปี 2564

เป้าหมายการใช้น้ำจากภายนอก

ลูกบาศ์กเมตรต่อปี

n/a

n/a

n/a

ปริมาณการใช้น้ำจากภายนอก

ลูกบาศ์กเมตรต่อปี

0

0

0

ปริมาณการใช้น้ำดิบ

ลูกบาศ์กเมตรต่อปี

611,981

614,518

537,746

หมายเหตุ    ปริมาณน้ำดิบในปี 2566 ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากกระบวนการผลิตโรงสกัดที่ลดลง

2)      การจัดการน้ำเสีย

         เนื่องด้วยจะมีน้ำที่ผ่านกระบวนการผลิตบางส่วนไม่สามารถนำกลับเข้ากระบวนการนำน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิต (Reject RO) กลับมาใช้งานเป็นน้ำประปา (ประปาเกรด B) ได้ น้ำในส่วนนี้จะถูกแยกนำไปกักเก็บในบ่อน้ำเสียเพื่อนำไปเข้ากระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพหรือผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าทดแทนเพื่อกลับมาใช้ในกระบวนการผลิต หรือนำน้ำไปผ่านกระบวนการบำบัดขั้นสุดท้ายซึ่งมีแร่ธาตุอาหารสูง เพื่อนำไปใช้สำหรับรดน้ำในสวนของเกษตรกรรอบข้างที่ต้องการน้ำในหน้าแล้ง บริษัทฯ จึงได้มีโครงการเทคโนโลยีผลิตก๊าซชีวภาพจัดการน้ำเสียเพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม  และโครงการเดินท่อน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วไปสถานีพัฒนาอาหารสัตว์และเกษตรกรที่อยู่รอบบริเวณสถานประกอบการ เพื่อจัดการน้ำและน้ำเสียของบริษัทฯ

เป้าหมาย

บริษัทฯ ไม่มีการปล่อยน้ำทิ้งที่เกินกว่ามาตรฐานและกฎหมายกำหนด และไม่มีข้อร้องเรียนหรือถูกลงโทษด้านสิ่งแวดล้อม

ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา

บริษัทฯ ไม่มีการปล่อยน้ำทิ้งที่เกินกว่ามาตรฐานและกฎหมายกำหนด และไม่มีข้อร้องเรียนที่ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

2.1)   โครงการเทคโนโลยีผลิตก๊าซชีวภาพจัดการน้ำเสีย เพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม 

บริษัทฯ ได้ดำเนินการธุรกิจโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบและโรงกลั่นน้ำมันบริสุทธิ์ เป็นโรงงานอุตสาหกรรมเกษตรที่ครบวงจรโดยดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปี ปัญหาที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจคือการจัดการน้ำเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิต โดยอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม มลภาวะด้านสุขอนามัย กลิ่นและแมลงรบกวน ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อชุมชนและการผลิตของบริษัทฯ รวมทั้งปัญหาภาวะโลกร้อนจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

บริษัทฯ ได้มีความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เป็นประโยชน์สูงสุด โดยมุ่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้คงอยู่ในสภาพดีตลอดไป และเพื่อให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม จึงจัดตั้งโครงการ Biogas หรือกระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพ เป็นการกำจัดน้ำเสียโดยใช้ระบบปิด (Anaerobic) เพื่ออนุรักษ์พลังงาน และสิ่งแวดล้อม โดยนำก๊าซชีวภาพที่ได้จากกระบวนการบำบัดน้ำเสียของโรงงานกลับมาใช้ใหม่เป็นพลังงานทดแทนในกระบวนการผลิตของโรงงาน ซึ่งดำเนินการก่อสร้างระบบเมื่อปี พ.ศ. 2549 และขยายระบบการผลิต Biogas ระยะที่ 2 แล้วเสร็จเมื่อปี 2557 เพื่อรองรับการจัดการน้ำเสีย และของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตในปัจจุบันให้มีประสิทธิผลสูงสุด

วัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการเพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีก๊าซชีวภาพถังหมักแบบ A+CSTRth (Appropriate +Completely Stirred Tank Reactor, Thailand) และระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการจัดการน้ำเสียจากกระบวนการผลิตน้ำมันปาล์ม เพื่อผลิตก๊าซชีวภาพเป็นพลังงานทดแทน ตลอดจนการลดมลภาวะที่เกิดจากน้ำเสีย และบำบัดน้ำเสียของโรงงาน โดยมีเป้าหมายงานโครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีก๊าซชีวภาพจัดการน้ำเสียเพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมดังนี้

1)    สร้างระบบก๊าซชีวภาพ ถังหมักแบบ A+CSTRth, A+HCSRth และระบบอื่นๆ ทีเกี่ยวข้อง รองรับน้ำเสียจากกระบวนการผลิตผลปาล์มสดสูงสุดที่ 2,160 ตัน/วัน

2)    ผลิตและใช้ประโยชน์จากก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้ จำนวนประมาณ 40,000 ลบ.ม./วัน ค่ามีเทน 60% เป็นพลังงานทดแทนเชื้อเพลิงชีวมวล

3)    ผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายประมาณ 3.36 Mkh.

4)    ผลิตสารปรับปรุงดิน ประมาณ 35 ตัน/วัน มีความชื้น 70%-80%rh เพื่อนำกลับไปใช้เป็นแหล่งธาตุอาหาร และปรับปรุงดินในสวนปาล์มของบริษัทฯ

5)    ผลิตปุ๋ยน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วประมาณ 600-700 ลบ.ม./วัน เพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์เป็นปุ๋ยน้ำเพื่อการเกษตร

6)    ส่งน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้ว ไปยังสถานีพัฒนาอาหารสัตว์เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป

7)    ลดปัญหามลภาวะเรื่องกลิ่น แมลงรบกวน และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตก๊าซชีวภาพ ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการน้ำเสียโรงงานผลิตน้ำมันปาล์ม ใช้เทคโนโลยีถังหมักก๊าซชีวภาพแบบ A+CSTRth (Appropriate + Completely Stirred Tank Reactor, Thailand) และ A+UASBth (Upflow Anaerobic Sludge Blanket,Thailand), A+HCSRth (Appropriate +High Concentration Sludge Reactor, Thailand)  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสีบแบบไม่ใช้อากาศ เป็นองค์ประกอบหลักเพื่อใช้ในการหมักย่อยสลายสารอินทรีย์ที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำเสีย ซึ่งมีความเข้มข้นของสารแขวนลอย และ COD สูง โดยกลุ่มแบคทีเรียที่ไม่ใช้อากาศ จะย่อยสารอินทรีย์ให้สลายและเปลี่ยนรูปกลายเป็นก๊าซชีวภาพ ซึ่งก๊าซชีภาพที่ผลิตได้จะถูกรวบรวมและนำไปใช้ประโยชน์เป็นพลังงานทดแทนเพื่อใช้ในโรงงานต่อไป

น้ำเสียที่ผ่านการหมักย่อยสลายจากถังหมัก A+CSTRth, A+UASBth และ A+HCSRth สามารถลดค่าความสกปรกในรูป COD ประมาณร้อยละ 90 และส่วนของกากตะกอนที่ออกจากถังหมัก จะถูกส่งเข้าระบบแยกของแข็งในลานกรองของแข็งกากอินทรีย์ และสามารถนำไปใช้เป็นสารปรับปรุงดิน ส่วนของน้ำที่ผ่านลานกรองของแข็งจะถูกส่งไปบำบัดในระบบบำบัดขั้นหลัง ซึ่งเป็นระบบบ่อเปิด เพื่อให้ได้น้ำที่มีคุณภาพเหมาะสมที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์เป็นปุ๋ยน้ำเพื่อการเพาะปลูกต่อไป

ประโยชน์ต่อโรงงาน ลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ก๊าซชีวภาพทดแทนน้ำมันเตาและเชื้อเพลิงชีวมวล, ลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีจากการใช้ปุ๋ยน้ำและสารปรับปรุงดินทดแทน, พนักงานมีคุณภาพชีวิตและมีสุขภาพอนามัยดีขึ้น, ลดปัญหามลภาวะ เรื่องกลิ่นและแมลงรบกวนที่อาจเป็นพาหะนำโรค ฯลฯ

ประโยชน์ต่อชุมชนใกล้เคียง ลดปัญหาเรื่องกลิ่นและแมลงรบกวนระหว่างชุมชนกับโรงงาน, คุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตของชุมชนดีขึ้น, ลดปัญหาการปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ฯลฯ

ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมจากการลดมลพิษทางอากาศทางดิน ทางน้ำ และลดปัญหาการปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ, ลดการปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อนโดยนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทน ฯลฯ

สถิติการจัดการน้ำเสีย

ข้อมูล

หน่วย

ปี 2566

ปี 2565

ปี 2564

ปริมาณน้ำเสียที่ออกจากกระบวนการผลิต

ลูกบาศ์กเมตร

227,418

280,898

241,424

พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้

Mkh.

11,404

15,830

10,225

หมายเหตุ    ปริมาณน้ำเสียที่ออกจากกระบวนการผลิตในปี 2566 ลดลงจากปีก่อน เนื่องด้วยปริมาณผลปาล์มสดที่เข้ากระบวนการผลิตลดลง

2.2)   โครงการเดินท่อน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วไปสถานีพัฒนาอาหารสัตว์และเกษตรกรที่อยู่รอบบริเวณสถานประกอบการ

การดำเนินงานโครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงาน คือ บริษัท ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน), สถานีพัฒนาอาหารสัตว์จังหวัดชุมพร และ เกษตรกรสวนรอบบริเวณสถานประกอบการ เพื่อทำการส่งน้ำที่ได้ผ่านกระบวนการบำบัดขั้นสุดท้ายซึ่งมีแร่ธาตุอาหารสูงไปใช้สำหรับรดหญ้าเนเปียร์ในสถานีพัฒนาอาหารสัตว์ชุมพรสำหรับเป็นอาหารสัตว์และเป็นพืชพลังงานทดแทน และเพื่อส่งน้ำที่ได้ผ่านกระบวนการบำบัดขั้นสุดท้ายไปยังสวนปาล์มของเกษตรกรที่อยู่รอบบริเวณสถานประกอบการซึ่งจะสามารถลดต้นทุนจากการใช้ปุ๋ยเคมีและปัญหาปาล์มขาดแคลนน้ำได้

เส้นทางการวางท่อน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้ว ดำเนินการโดยการวางท่อน้ำที่ผ่านกระบวน การบำบัดแล้วจากบ่อสุดท้ายหลังผ่านระบบการผลิตก๊าซชีวภาพไปยังสถานีพัฒนาอาหารสัตว์ มีระยะทาง 2.8 กม. มีจุดปล่อยน้ำดังกล่าวเข้าสวนปาล์มของเกษตรกรรอบข้าง เพื่อให้เกษตรกรนำไปรดต้นปาล์มทดแทนปุ๋ย และไปสิ้นสุดที่สถานีพัฒนาอาหารสัตว์ โดยจัดเก็บในถังขนาดบรรจุ 25 ลบ.ม. จำนวน 2 ถัง ซึ่งทางสถานีพัฒนาอาหารสัตว์ ใช้น้ำดังกล่าวสำหรับรดต้นหญ้าเนเปียร์ซึ่งเป็นพืชอาหารสัตว์ที่มีศักยภาพสูงทั้งในแง่การให้ผลผลิตและมีคุณค่าทางอาหารที่ดีตามที่สัตว์ต้องการ อีกทั้งหญ้าเนเปียร์สามารถนำมาผลิตเป็นพลังงานได้ ซึ่งถือว่าเป็นชีวมวลประเภทหนึ่ง เนื่องจากเป็นหญ้าที่มีเยื่อใยและมีความชื้นสูง สามารถนำมาผลิตเป็นพลังงานได้ทั้งการนำไปเผาตรงหลังจากผ่านกระบวนการลดความชื้นแล้ว และการนำไปหมักเป็นก๊าซชีวภาพหรือมีเทน

นอกจากนี้ ยังนำน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วไปปล่อยลงในแปลงปลูกหญ้าแพงโกล่า ในสถานีพัฒนาอาหารสัตว์ ซึ่งหญ้าแพงโกล่านี้ คืออาหารหลักสำหรับโค กระบือ ซึ่งปัจจุบันค่อนข้างหายากและราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากยังไม่มีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน ยังคงมีการส่งน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วไปยังสถานีพัฒนาอาหารสัตว์และมีจุดกระจายน้ำเข้าสวนปาล์มของเกษตรกรบ้านคันธทรัพย์ หมู่ที่ 2 ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ และเกษตรกรรอบข้างอย่างต่อเนื่อง ได้รับการตอบรับที่ดีจากชุมชนในด้านการบริหารจัดการน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วให้เกิดประโยชน์โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมที่เป็นผลต่อการดำรงชีวิตประจำวันของชุมชน

บริษัทฯ ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออาทรและอย่างยั่งยืนตลอดไป

สถิติการจัดการน้ำที่ผ่านการบำบัด

ข้อมูล

หน่วย

ปี 2566

ปี 2565

ปี 2564

ปริมาณน้ำเสียที่ผ่านการบำบัด

ลูกบาศ์กเมตร

227,416

280,898

241,424

ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัดส่งออกเพื่อการเพาะปลูก

ลูกบาศ์กเมตร

201,760

231,585

207,261

ค่าใช้จ่ายในการจัดการ กรณีที่ไม่ดำเนินการโครงการ

ล้านบาท

30

34

31

หมายเหตุ    ปริมาณน้ำเสียที่ออกจากกระบวนการผลิตในปี 2566 ลดลงจากปีก่อน เนื่องด้วยปริมาณผลปาล์มสดที่เข้ากระบวนการผลิตลดลง

3)      การจัดการพลังงานไฟฟ้า

ไฟฟ้าถือเป็นพลังงานที่สำคัญในการเดินเครื่องจักรของบริษัทฯ และถือเป็นต้นทุนที่สูงหากบริษัทฯ ต้องซื้อไฟฟ้าจากภายนอกเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต ดังนั้น บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญและดำเนินการสนับสนุนพร้อมส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในการบริหารจัดการไฟฟ้าภายในองค์กรด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างคุ้มค่ามากสูงสุด รองรับมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งปลูกจิตสำนึกให้พนักงานเข้าใจและมีส่วนร่วมกับการจัดการพลังงานด้านพลังงานขององค์กรอย่างยั่งยืน

เป้าหมายการใช้ไฟฟ้า

  • บริษัทฯ จะนำไฟฟ้าที่ผลิตได้เองจากโครงการเทคโนโลยีผลิตก๊าซชีวภาพจัดการน้ำเสียเพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม เข้าไปใช้ในกระบวนการผลิตและส่วนต่างๆ ก่อน แล้วพลังงานไฟฟ้าส่วนที่เหลือขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
  • บริษัทฯ จะทำการซื้อไฟฟ้าจากภายนอกมาใช้ในกรณีที่ทำการหยุดเครื่องจักรเพื่อซ่อมแซมประจำปีเท่านั้น

ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา

  • บริษัทฯ สามารถผลิตไฟฟ้านำมาใช้ในกระบวนการผลิตและส่วนต่างๆ ได้ทั้งหมด และยังมีไฟฟ้าส่วนที่เหลือที่สามารถส่งขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ตามเป้าหมาย
  • บริษัทฯ ซื้อไฟฟ้าจากภายนอกมาใช้ในกรณีที่ทำการหยุดเครื่องจักรเพื่อซ่อมแซมประจำปีตามแผนที่ได้กำหนดไว้

สถิติการใช้พลังงานไฟฟ้า

ข้อมูล

หน่วย

ปี 2566

ปี 2565

ปี 2564

เป้าหมายปริมาณการใช้ไฟฟ้าจากภายนอก

Mwh

n/a

n/a

n/a

ปริมาณการใช้ไฟฟ้าจากภายนอก

Mwh

413

230

874

ปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตเอง

Mwh

29,214

33,728

26,452

ปริมาณไฟฟ้าผลิตขายให้การไฟฟ้า

Mwh

5,939

10,062

6,790



4)      การจัดการเพื่อลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการจัดการเพื่อลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ภายในโรงงาน โดยมีการบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดังนี้

1)    การนำน้ำเสียจากกระบวนการผลิตในโรงงานมาผลิตไบโอแก๊ส (Biogas) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพใช้ในโรงกลั่นน้ำมันและผลิตไฟฟ้าใช้ภายในโรงสกัดน้ำมันปาล์มส่วนที่เหลือใช้จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

2)    มีการนำไอเสียที่ปล่อยทิ้งเกิดจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้านำกลับมาเป็นพลังงานความร้อนสำหรับหม้อไอน้ำขนาด 10 บาร์ เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์ม

3)    มีการจัดการด้านพลังงาน เช่น เมื่อมีการเปลี่ยนหลอดไฟแสงสว่าง ก็ปรับเปลี่ยนเป็นหลอดไฟชนิดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและประหยัดไฟฟ้าอีกด้วย มีการทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศประจำปี เพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ  มีการหยุดเดินเครื่องเพื่อประหยัดพลังอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง หรือจะเป็นการหยุดเดินเครื่องเพื่อสะสมวัตถุดิบเพื่อจะได้เดินเครื่องจักรอย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นต้น

4)    มีการจัดการด้านพลังงาน เช่น มีมาตรการในการลดใช้พลังงานไฟฟ้าในกระบวนการผลิตน้ำมันพืชบริสุทธิ์ โดยการเปลี่ยนอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนสำหรับระบบทำความเย็น และปรับปรุงการหุ้มฉนวนของระบบนึ่งผลปาล์มสด เพื่อลดความร้อนสูญเสียในกระบวนการผลิต

ความสามารถในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ข้อมูล

หน่วย

ปี 2566

ปี 2565

ปี 2564

ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ตันคาร์บอนไดออกไซด์ 

5,345.66

6,436.82

2,462.50

หมายเหตุ    เนื่องจากมีการผลิตและใช้น้ำดิบที่น้อยลงทำให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงจากปี 2565

 

5)      การจัดการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (RSPO)

RSPO (Roundtable on Sustainable Palm Oil) เป็นมาตรฐานการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนโดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อชุมชน สืบเนื่องจากทั่วโลกมีความต้องการบริโภคน้ำมันปาล์มและการใช้ไบโอดีเซลเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มอย่างต่อเนื่อง จึงมีผลกระทบต่อสังคม สิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น จากแรงกดดันของผู้บริโภคทำให้อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มเกิดแนวคิดริเริ่มในการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืนขึ้น เพื่อสนับสนุนการเติบโตและใช้ประโยชน์น้ำมันปาล์มที่ผลิตจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำอย่างยั่งยืน

หลักเกณฑ์ที่กำหนดสำหรับการปลูกปาล์มตามมาตรฐาน RSPO มี 7 หลักการ คือ

1)   มีจริยธรรมและความโปร่งใส ขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจที่มีจริยธรรม สร้างความไว้วางใจและความโปร่งใสกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและมั่นคง

2) ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายและเคารพสิทธิ ใช้ข้อกำหนดทางกฎหมายเป็นหลักการพื้นฐานของการดำเนินการในการควบคุม

3) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ประสิทธิผล ผลกระทบด้านบวก และมีความยืดหยุ่น ดำเนินการตามแผน ขั้นตอนและระบบเพื่อการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

4) เคารพชุมชนและสิทธิมนุษยชนและส่งมอบผลประโยชน์เคารพสิทธิชุมชน ให้โอกาสที่เท่าเทียม เพิ่มผลประโยชน์สูงสุดจากการมีส่วนร่วมและให้มั่นใจว่ามีการชดเชยเยียวยาเมื่อจำเป็น

5) สนับสนุนการรวมกลุ่มของเกษตรกรรายย่อย รวมเกษตรกรรายย่อยในห่วงโซ่อุปทานของ RSPO และปรับปรุงการดำรงชีวิตของเกษตรกรรายย่อยผ่านการเป็นหุ้นส่วนที่ยุติธรรมโปร่งใส

6) เคารพสิทธิและเงื่อนไขของคนงาน ปกป้องสิทธิของคนงานและดูแลให้มีสภาพการทำงานที่ปลอดภัยและเหมาะสม

7) ปกป้อง อนุรักษ์และเสริมสร้างระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ปกป้องสิ่งแวดล้อมอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและดูแลจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

ซึ่งแต่ละหลักการมีการกำหนด เกณฑ์ ตัวชี้วัด และแนวปฏิบัติ เพื่อยื่นขอการรับรองการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน

บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญต่อสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม จึงได้ปฏิบัติปรับเปลี่ยนวิธีการในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดและเกณฑ์ปฏิบัติของ RSPO และได้ทำการรักษาระบบการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (RSPO) อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันทั้ง 2 ระบบ ดังนี้  

  • RSPO Principles and Criteria (Generic version 2018) for its scope concerning : Plantation and Palm Oil Mill : Production of FFB, Crude Palm Oil Module: Identity Preserved and Mass Balance  
  • RSPO Supply Chain Certification Standard (version 01/02/2020) for Refinery & Frationation : Module Identity Preserved, Segregated and Mass Balance, and Crushing Mill (CPKO) : Module Mass Balance 

  

6)      โครงการศูนย์การเรียนรู้ปาล์มน้ำมัน ซีพีไอ  (CPI Learning Center)

การที่จะประสบความสำเร็จในการทำสวนปาล์ม เรื่องการจัดการถือว่ามีความสำคัญ ไม่น้อยไปกว่าการเลือกสายพันธุ์ที่ดี บริษัทฯ จึงมุ่งหวังให้เกษตรกรสามารถจัดการสวนปาล์มให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2556 จึงมีโครงการก่อสร้าง “ศูนย์การเรียนรู้ปาล์มน้ำมันซีพีไอ (CPI Learning Center)” ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับให้ความรู้เกี่ยวกับปาล์มน้ำมันอย่างครบวงจร โดยรวบรวมองค์ความรู้ต่างๆ ทั้งจากเอกสารทางวิชาการ งานวิจัยของบริษัทฯ และประสบการณ์จากการทำสวนปาล์มมากว่า 40 ปี ในพื้นที่สวนปาล์มกว่า 20,000 ไร่ โดยศูนย์การเรียนรู้ดังกล่าวตั้งอยู่ใน อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ประกอบด้วยอาคารศูนย์การเรียนรู้ ทางเดินสำหรับการชมปาล์มน้ำมันสายพันธุ์ต่างๆ และเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมได้ฟรี โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา โดยบริษัทฯ หวังว่าผู้ที่เข้าเรียนรู้จัดการสวนปาล์มของบริษัทฯ จะสามารถนำข้อมูลต่างๆ ไปประยุกต์ใช้กับสวนของตนเองและสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพออกจำหน่ายสู่ตลาดต่อไป

7)      โครงการศึกษาการใช้ประโยชน์จากนกแสกเพื่อกำจัดหนูในสวนปาล์ม

บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม โดยจัดให้มีโครงการศึกษาการใช้ประโยชน์จากนกแสกเพื่อกำจัดหนูในสวนปาล์ม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสียหายของผลผลิตทะลายปาล์มสด ด้วยการควบคุมประชากรหนูโดยไม่ใช้สารเคมี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนในการใช้สารเคมีและนำไปสู่โครงการต้นแบบให้เกษตรกรหันมาใส่ใจและห่วงใยต่อธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และเปิดอบรมให้ผู้สนใจเข้ารับฟังตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา

นกแสก เป็นนกประจำถิ่นของไทย ซึ่งมีอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นนกกลางคืนที่อาศัยอยู่ใกล้ชุมชน ปกติใช้โพรงไม้ ซอกอาคาร หรือช่องใต้หลังคาเป็นรังวางไข่ กินหนูเป็นอาหาร มีพฤติกรรมล่าเหยื่อในที่โล่ง ทุ่งหญ้า ไร่นา และสวนปาล์มน้ำมัน มีการผสมพันธุ์วางไข่ และเลี้ยงลูกในช่วงเดือนกันยายน-กุมภาพันธ์ เลี้ยงลูก 2 ครอกติดต่อกัน จำนวนไข่รังละ 5-7 ฟอง เพศเมียจะฟักไข่ประมาณ 30 วัน ใช้เวลาฟักไข่ 10 ชั่วโมง/วัน ระยะแม่นกฟักไข่และช่วงที่ลูกยังเล็ก พ่อนกจะออกล่าเหยื่อนำมาป้อนให้แม่และลูกนกทุกวัน

จากการศึกษาส่วนประกอบของเศษอาหารที่นกแสกสำรอกออกมาในบริเวณรังนก พบว่านกแสกในสวนปาล์มน้ำมันกินหนูป่ามาเลย์เป็นอาหารเกือบ 100% โดยนกแสกกินหนูเฉลี่ยวันละ 1-2 ตัว หรือประมาณ 350-700 ตัว/ปี ซึ่งหนูจำนวนนี้ถ้าปล่อยให้กัดกินผลปาล์มน้ำมันจะทำความเสียหายต่อผลผลิตปีละ 1.1-2.5 ตัน/ไร่ คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียประมาณ 5,500-12,500 บาท/ไร่/ปี (ราคาทะลายปาล์มสด 4 บาท/กิโลกรัม) ขณะเดียวกันเกษตรกรยังต้องเสียเงินค่าซื้อสารเคมีและจ้างแรงงานวางยากำจัดหนูทำให้มีต้นทุนสูงขึ้นอีก 700-1,400 บาท/ไร่/ปี