ปาล์มน้ำมันเป็นพืชผสมข้าม คือ มีดอกเพศผู้และเพศเมียแยกช่อกัน ในหนึ่งต้นจะดอกได้ทั้ง 2 แบบ บางครั้งอาจมีดอกแบบผสมรวมอยู่ด้วย (มีทั้งเพศผู้และเมียในช่อดอกเดียวกัน) การผสมพันธุ์ของปาล์มน้ำมันตามธรรมชาติจึงเป็นการผสมแบบคละกันไปหมด โดยลมหรือแมลงจะนำละอองเกสรจากดอกเพศผู้ไปผสมกับดอกเพศเมียของอีกต้นหนึ่ง ทำให้ลูกที่ได้ เมล็ดที่หล่นใต้ต้น หรือ เมล็ดปาล์มงอกใต้ต้น ไม่มีคุณภาพ เพราะละอองเกสรคละปะปนกัน หมายความว่าในหนึ่งทะลายเกิดจากแม่ต้นเดียวกัน แต่ไม่ทราบว่าละอองเกสรของพ่อพันธุ์มาจากต้นไหนบ้าง ทำเมล็ดพันธุ์ที่ได้ไม่มีคุณภาพ


การเก็บเมล็ดปาล์มงอกใต้ต้น หรือ ต้นปาล์มที่งอกใต้ต้น หรือ ปาล์มใต้โคน ที่ดกๆ ไปปลูก จึงอาจได้ลูกที่เป็นได้ทั้งต้นที่ดีและไม่ดีคละปะปนผสมกันไป เช่น เก็บเมล็ดปาล์มที่งอกใต้ต้นปาล์มที่ดกไป 100 เมล็ด พอนำไปปลูกในสวนจะได้ต้นปาล์ม 3 แบบ ดังนี้
1. ต้นที่เหมือนพ่อ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหมัน ทำให้ทะลายฝ่อ ไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ เกิดขึ้นประมาณ 25 ต้น
2. ต้นที่เหมือนแม่ มีลักษณะกะลาหนา น้ำมันน้อย เกิดขึ้นประมาณ 25 ต้น
3. ต้นลูกผสม จะมีลักษณะเหมือนพ่อและแม่อย่างละครึ่ง ซึ่งอาจจะให้ผลผลิตดีหรือไม่ก็ได้เพราะไม่ได้ผ่านการคัดเลือกสายพันธุ์ เกิดขึ้นประมาณ 50 ต้น

หมายความว่าผลผลิตที่ได้จากกการเก็บ เมล็ดปาล์มงอกใต้ต้น ไปปลูก จะลดลง ในช่วง 25-50 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงเป็นข้อสรุปได้ว่า การเก็บเมล็ดปาล์มงอกใต้ต้นไปปลูก เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะจะทำให้ผลผลิตลดลง เนื่องจากได้พันธุ์ที่ไม่มีคุณภาพไปปลูก ทำให้เสียเวลา เสียโอกาส และเสียเงินที่ลงทุนไป

อ้างอิง : http://www.cpiagrotech.com/category/knowledge/