โดโลไมท์คืออะไร
โดโลไมท์ (dolomite) เป็นปูนชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบของธาตุแคลเซียม (Ca) 
และแมกนีเซียม (Mg) โดโลไมท์ มีลักษณะทางเคมีเป็นด่าง จึงใช้ในการปรับสภาพดินที่เป็นกรดให้มีความเป็นด่างเพิ่มขึ้น สูตรทางเคมีคือ CaMg(CO3)2 (แคลเซียมแมกนีเซียมคาร์บอเนต) โดยปกติโดโลไมท์จะมีสัดส่วนของ CaCO3 ต่อ MgCO3 ประมาณ 1:1

โดโลไมท์ มีประโยชน์อย่างไร
1. โดโลไมท์ช่วยปรับค่ากรด-ด่างของดิน ในดินที่มีสภาพเป็นกรด คือ ค่ากรด-ด่าง (pH) น้อยกว่า 5.0 จะส่งผลให้ธาตุอาหารที่อยู่ในดินหรือจากการใส่ปุ๋ย ละลายออกมาได้ไม่ดี ทำให้รากพืชดูดไปใช้ได้น้อย หรือมีความเป็นประโยชน์ต่ำ พบว่าถ้าค่าพีเอชของดินเท่ากับ 5.0 ประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยของต้นพืชจะเหลือเพียง 46 เปอร์เซ็นต์

2. โดโลไมท์ให้ธาตุอาหารรองแก่พืช โดโลไมท์มีส่วนผสมแคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งเป็นธาตุอาหารรองที่ต้นปาล์มน้ำมันต้องการอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับการใส่ปุ๋ยคีเซอร์ไรด์ (kieserite) ซึ่งจะมีธาตุแมกนีเซียมและกัมมะถัน (sulfur) เป็นส่วนประกอบ

การใส่ปูนโดโลไมท์จึงได้ประโยชน์มากกว่า เพราะถึงแม้ว่ากัมมะถันจะเป็นธาตุอาหารรองที่ต้นปาล์มน้ำมันต้องการ แต่ต้นปาล์มไม่ได้แสดงอาการขาดธาตุกัมมะถันที่ชัดเจน และการใส่แม่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต (21-0-0) ก็จะได้ธาตุกัมมะถันมาด้วยอยู่แล้ว

3. โดโลไมท์ปลดปล่อยช้า และค่อยๆ ปลดปล่อยธาตุอาหาร โดโลไมท์ผลิตมาจากหินภูเขาที่นำมาบดให้ละเอียด การปลดปล่อยจึงขึ้นอยู่กับระดับความละเอียดของผงปูนที่บดได้ สำหรับสวนปาล์มน้ำมันนั้นแนะนำให้ใช้ที่ระดับความละอียด 80-120 เม็ช (mesh) การนำโดโลไมท์มาใส่ต้นปาล์มซึ่งเป็นไม้ยืนต้น จึงมีข้อดีคือ แมกนีเซียมและแคลเซียมจะค่อยๆ ละลายออกมา ทำให้ช่วยลดการสูญเสีย และการใส่ปุ๋ยบนกองทางใบปาล์มที่มีความชื้นและปริมาณของรากฝอยที่มากกว่าบริเวณอื่นในสวน ก็จะยิ่งช่วยทำให้ประสิทธิภาพของปุ๋ยเพิ่มมากขึ้น

โดโลไมท์กับความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
ราคาต่อหน่วยของปูนโดไลไมท์ถูกกว่าปุ๋ยคีเซอร์ไรด์ อย่างไรก็ตามการใช้ปูนโดโลไมท์ ควรมีการตรวจวัดค่าพีเอชของดินก่อนว่าดินมีความเป็นกรดหรือด่าง ซึ่งจะช่วยให้การใช้ปูนโดโลไมท์มีเหมาะสมมากขึ้น

แถบภาคใต้ส่วนใหญ่มีฝนตกชุกมากกว่าจังหวัดอื่นของไทย ซึ่งฝนที่ตกมากทำให้ดินเป็นกรดและมีการชะล้างผิวดินสูง จึงแนะนำให้ใส่ปูนโดโลไมท์อย่างต่อเนื่องทุกปี หากบริเวณที่ดินมีความเป็นด่างอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องใส่ปูนโดโลไมท์เพื่อปรับค่ากรด-ด่างของดิน ให้ใส่อินทรียวัตถุ และใช้ปูนหินฟอสเฟตเพื่อเป็นแหล่งของแคลเซียม และใส่กีเซอร์ไรท์เพื่อเป็นแหล่งของแมกนีเซียมแทน


อ้างอิง : http://www.cpiagrotech.com/category/knowledge/