ศัตรูปาล์มน้ำมัน
ศูนย์วิจัยพัฒนาปาล์มน้ำมันซีพีไอ ได้รวบรวมและวิเคราะห์ ปัญหาโรคและศัตรูพืชในสวนปาล์มน้ำมัน เพื่อให้สามารถวิเคราห์และทราบถึงการป้องกัน ลดจำนวนศัตรูพืชลง เป็นการช่วยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น โดยศัตรูปาล์มน้ำมัน เบื้องต้นมีดังนี้
หนู
1หนูป่ามาเลย์
หนูป่ามาเลย์ เป็นหนึ่งใน ศัตรูปาล์มน้ำมัน ที่สำคัญ พบมากในสวนป่าละเมาะ ดงหญ้าที่เกิดภายหลังการเปิดป่าใหม่
ป่าโกงกาง พบเฉพาะในภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปโดยเฉพาะในสวนปาล์มน้ำมันทางภาคใต้ของประเทศไทยแม้ว่าหนูชนิดนี้มีอุปนิสัยปีนป่ายต้นไม้คล่องแคล่วแต่เมื่อใช้กรงดักวางบนพื้นดิน หนูชนิดนี้ก็ติดกรงดักได้ง่ายกว่าหนูนาใหญ่
ลักษณะหนูป่ามาเลย์
เป็นหนูขนาดกลาง ขนด้านหลังสีน้ำตาลเขียวมะกอก และจะเข้มขึ้นในบริเวณกลางหลัง
ขนเรียบนุ่มไม่มีขนแข็งปนขนด้านท้องขาวล้วนหรือขาวปนเทาจาง ขนาดความยาวหัวถึงลำตัว 100 – 180 มม. ความยาวหาง 125 – 198 มม. ความยาวตีนหลัง 28 – 32 มม. ความยาวหู 16 – 22 มม. น้ำหนักตัว 55 – 152 กรัม นมที่บริเวณคอถึงขาหน้า 2 คู่ บางตัวมีเต้านมคู่ที่ 3 อยู่ชิดคู่ที่ 2 หรือห่างกันไม่เกิน 10 มม. จากคู่ที่ 2 และบางครั้งมีเต้านมคู่ที่ 3 ข้างเดียว และที่บริเวณขาหลัง 3 คู่ หนูป่ามาเลย์เพศเมียสามารถผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่อายุ 84 วัน เพศผู้เมื่ออายุ 163 วัน ระยะตั้งท้องนาน 21 – 22 วัน จำนวนลูกต่อครอก 5 ตัว วงรอบเป็นสัดทุก ๆ 5 – 8 วัน ในสวนปาล์มน้ำมันประเทศมาเลเซีย เพศเมียสามารถให้ลูกต่อครอก 4 – 10 ตัว อายุขัยในสภาพ สวนปาล์มน้ำมัน 7 – 8 เดือน ระยะหากินของเพศผู้โดยเฉลี่ย 30 เมตรเพศเมีย ประมาณ 25 เมตร
ลักษณะการทำลาย
หนูป่ามาเลย์ชอบกินดอกตัวเมียและดอกตัวผู้ ตลอดจนลูกปาล์มน้ำมันทั้งดิบและสุก เมื่อหนูป่ามาเลย์กินลูกปาล์มน้ำมันที่ร่วงบนพื้นดิน มันจะขนลูกปาล์มน้ำมันไปกินใต้กองทางใบ หนูป่ามาเลย์จะเริ่มเข้าทำลายปาล์มน้ำมัน ตั้งแต่ปาล์มปลูกใหม่จนถึงต้นปาล์มสิ้นอายุการให้ผลผลิต และจะขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว จึงเป็นศัตรูปาล์มน้ำมันที่สำคัญที่สุด
2หนูพุกใหญ่หรือหนูแผง
พบทั่วประเทศในพื้นที่เกษตรกรรมที่มีดงหญ้าคา หญ้าขน เป็นศัตรูสำคัญในนาข้าว พืชไร่ และในสวนปาล์มน้ำมันที่มีอายุไม่เกิน 3 ปี โดยเฉพาะบริเวณที่มีวัชพืชขึ้นในพื้นที่
ลักษณะหนูพุกใหญ่
เป็นหนูที่มีขนาดใหญ่ คือ ตัวเต็มวัยความยาวหัวและลำตัว 246 มม. ความยาวหาง 244 มม. ความยาวตีนหลัง 56 มม. ความยาวหู 30 มม. น้ำหนักโดยเฉลี่ยประมาณ 480 กรัม วัยเจริญพันธุ์อายุประมาณ 4 เดือนขึ้นไป เพศเมียมีวงรอบเป็นสัด 5 – 8 วัน ระยะตั้งท้อง 23 – 30 วัน ให้ลูกปีละ 2 ครอก ๆ ละ 5 – 8 ตัว
ลักษณะการทำลาย
กัดกินโคนต้นอ่อน ทางใบ และลูกปาล์มน้ำมันที่อยู่ใกล้กับพื้นดินเท่านั้น เนื่องจากเป็นหนูขนาดใหญ่ จึงไม่ชอบปีนป่ายต้นไม้
3 หนูบ้านท้องขาว
พบทั่วประเทศทั้งในนาข้าว พืชไร่ ไม้ผล บ้านเรือน สวนผลไม้ต่าง ๆ และสวนปาล์มน้ำมันตั้งแต่เริ่มปลูกใหม่ จนถึงต้นปาล์มสิ้นอายุการให้ผลผลิต
ลักษณะหนูบ้านท้องขาว
เป็นหนูขนาดกลาง น้ำหนักตัวประมาณ 140 – 250 กรัม ความยาวหัวถึงลำตัว 182 มม. ความยาวหาง 188 มม.
ความยาวตีนหลัง 33 มม. ความยาวหู 23 มม. นมที่ท้องบริเวณคอถึงขาหน้า 2 คู่ ที่บริเวณขาหลัง 3 คู่ ขนด้านหลังสีน้ำตาล ขนที่ท้องสีขาวนวล ตีนหลังสีขาว หน้าค่อนข้างแหลม หูใหญ่กว่าหนูชนิดอื่น เมื่อเทียบกับหน้า ผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่อายุ 130 วัน ระยะตั้งท้องนาน 21 – 23 วัน จำนวนลูกต่อครอก 7.2 ตัว วงรอบเป็นสัดทุก ๆ 4 วัน ในสภาพมีอาหารสมบูรณ์ มีลูกได้ตลอดปี
ลักษณะการทำลายที่เกิดจากหนู
การทำลายที่เกิดจากหนูในปาล์มระยะปลูกใหม่
-โคนต้นปาล์มถูกกัดแทะ
การทำลายที่เกิดจากหนู ปาล์มระยะให้ผลผลิต
-ทะลายหนูถูกกัดกิน
ข้อพิจารณาในการป้องกันกำจัดหนู
เมื่อต้นปาล์มยังมีขนาดเล็ก (1 – 3 ปี) ถ้าพบความเสียหายแม้เพียงต้นเดียว ก็ควรดำเนินการป้องกันกำจัดทันที เมื่อต้นปาล์มให้ผลผลิตแล้วหมั่นสำรวจทะลายปาล์มถ้าพบรอยทำลายใหม่ในผลดิบบนต้น ซึ่งสังเกตจากรอยกัดผลปาล์มยังเขียวสดไม่แห้ง ตั้งแต่ 5% คือ ใน 100 ต้น พบรอยทำลายใหม่ 5 ต้นขึ้นไป ให้ทำการป้องกันกำจัดทันที
หนอน
1 หนอนหน้าแมว
ชื่ออื่น : หนอนดาน่า
ชื่อสามัญ : The Oil Palm Slug Caterpillar
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Darna furva Wileman
ชื่อวงศ์ : Limacodidae
ชื่ออันดับ Lepidoptera
ความสำคัญและลักษณะการทำลาย
ศัตรูปาล์มน้ำมัน ที่สำคัญมากอีกหนึ่งชนิด คือ “หนอนหน้าแมว” เป็นหนอนกัดทำลายใบปาล์มน้ำมัน ถ้าอาการรุนแรงมากใบถูกกัดจนเหลือแต่ก้านใบ จนต้นปาล์มโกร๋น ทำให้ผลผลิตลดลงต้นชะงักการเจริญเติบโต และกว่าต้นจะฟื้นคืนดังเดิมใช้เวลานานเป็นปี เมื่อเกิดมีการระบาดแต่ละครั้งมักต้องใช้เวลาในการกำจัดนานเป็นเพราะหนอนมีหลายระยะในเวลาเดียวกัน เช่น มีทั้งระยะหนอน ระยะดักแด้ เราจึงไม่สามารถกำจัดให้หมดได้ในคราวเดียวกัน ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการกำจัดและต้องเฝ้าติดตามการระบาดอย่างต่อเนื่อง
ไข่
รูปไข่สีใส แบนราบติดใบผิวเป็นมัน คล้ายหยดน้ำค้าง ถ้าส่องกับแสงแดดจะทำให้เห็นไข่ชัดเจนขึ้น ผีเสื้อจะวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆกระจัดกระจายใต้ใบย่อยของทางใบปาล์มน้ำมัน มักจะพบไข่มากที่สุดบริเวณทางใบตอนล่างนับขึ้นมาจนถึงทางใบที่ 17 และพบบริเวณค่อนไปทางปลายใบเป็นส่วนใหญ่ขนาดประมาณ 1.1 x 1.3 มิลลิเมตร
ระยะหนอน
หนอนที่ฟักจากไข่ใหม่ ๆ มีขนาดลำตัว 0.2 x 0.8 มิลลิเมตร สีขาวใส มีสีน้ำตาลอยู่กลางลำตัว มีกลุ่มขนบนลำตัว 4 แถวเห็นไม่ชัดเจน ส่วนหัวหลบซ่อนอยู่ใต้ลำตัว เคลื่อนไหวช้า กินแบบแทะผิวใบ หนอนที่เจริญเต็มที่มีขนาดลำตัวกว้าง 5-6 มิลลิเมตร ยาว 15-17 มิลลิเมตร มีกลุ่มขนข้างลำตัวข้างละ 11 กลุ่ม สีของลำตัวเป็นสีน้ำตาลเข้มถึงดำแต้มสีเป็นรอยเว้ารูปสามเหลี่ยมจากด้านข้างเข้าหากึ่งกลางลำตัว ปลายยอดสามเหลี่ยมห่างกันเล็กน้อย ภายในสามเหลี่ยมสีตองอ่อนมีขอบเป็นสีเหลือง ส่วนท้ายลำตัวมีสีเหลือง กลางหลังของลำตัวมีเส้นประสีเหลืองและจุดสีดำขนานไปกับกลุ่มขนสีดำอีก2แถว
ระยะดักแด้
รังดักแด้สีน้ำตาล รูปทรงกลม ขนาดกว้าง 5 – 6 มิลลิเมตร ยาว 7 – 8 เมตร อยู่ตามซอกโคนทางใบซอกมุมของใบย่อยหรือตามใบพับของใบย่อย
ระยะตัวเต็มวัย
เป็นผีเสื้อกลางคืนนาดเล็ก เวลากลางวันผีเสื้อเกาะนิ่งหุบปีกไม่เคลื่อนไหว จะเคลื่อนไหวบินในช่วงพลบค่ำจนถึงรุ่งเช้า
2 หนอนร่านสี่เขา
หนอนร่านสี่เขา (หนอนซีโทร่า) เป็นหนอนที่อยู่ในวงศ์เดียวกันกับ หนอนหน้าแมว , หนอนร่านสีน้ำตาล
หนอนร่านสี่เขา-พบได้ทั่วไปใน สวนปาล์มน้ำมัน สวนมะพร้าว หากสัมผัสโดนผิวหนังจะมีอาการแสบ คัน บางรายอาจแพ้เป็นผดผื่น หนอนร่านสี่เขามีชื่อที่เรียกแตกต่างไปตามแต่ละท้องถิ่น เช่น หนอนลั้น, หนอนบุ้ง, หนอนร่าน, แมงบ้งเป่ม, หนอนร่านไฟ เป็นต้น
ชื่ออื่น : หนอนซีโทร่า
ชื่อสามัญ : The Oil Palm Slug Caterpillar
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Setora Fletcheri Halloway
ชื่อวงศ์ : Limacodidae
ชื่ออันดับ : Lepidoptera
ลักษณะการทำลาย
หนอนร่านสี่เขา-เป็นหนอนกัดทำลายใบปาล์มน้ำมัน โดยในช่วงวัยแรกๆ จะแทะผิวใบ และเมื่อหนอนเจริญเติบโตขึ้นจะกัดกินทั้งใบ หากอาการรุนแรงมากใบจะถูกกัดจนเหลือแต่ก้านใบ ทำให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันลดลงต้นชะงักการเจริญเติบโต เมื่อเกิดมีการระบาดแต่ละครั้งมักต้องใช้เวลาในการกำจัดนานเป็นเพราะหนอนมีหลายระยะในเวลาเดียวกัน เช่น มีทั้งระยะหนอน มีทั้งระยะดักแด้ เราจึงไม่สามารถกำจัดให้หมดได้ในคราวเดียวกัน ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการกำจัดและติดตามการระบาดที่ต่อเนื่อง
การระบาด
มักพบบนต้นปาล์มน้ำมันที่มีอายุ 1-3 ปี มักพบบ่อยตามปลายใบปาล์มน้ำมัน โดยเฉพาะทางใบที่อยู่ตำแหนงล่างๆ และเนื่องจากหนอนร่านสี่เขาสามารถถูกควบคุมจำนวนโดยแมลงศัตรูธรรมชาติ เช่น แตนเบียนหนอน แตนเบียนดักแด้ เป็นต้น จึงยังไม่พบว่ามีการระบาดอย่างรุนแรง
3 หนอนร่านสีน้ำตาล
หนอนร่านสีน้ำตาล เป็นหนอนที่อยู่ในวงศ์เดียวกันกับ หนอนหน้าแมว , หนอนร่านสี่เขา
พบได้ในสวนปาล์มน้ำมัน สวนมะพร้าว มีความสามารถในการทำลายต้นปาล์มน้ำมันเหมือนหนอนหน้าแมว มีรายงานว่าเคยระบาดในประเทศไทย
ชื่อสามัญ : The Oil Palm Slug Caterpillar
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Darna Diducta Snellen
ชื่อเดิม : Ploneta Diducta Snellen
ชื่อวงศ์ : Limacodidae
ชื่ออันดับ : Lepidoptera
ลักษณะการทำลาย
หนอนร่านสีน้ำตาล-เป็นหนอนกัดทำลายใบปาล์มน้ำมัน ถ้าอาการรุนแรงมากใบถูกกัดจนเหลือแต่ก้านใบ อาจถึงขั้นใบโกร๋นทั้งต้น เมื่อเกิดมีการระบาดแต่ละครั้งมักต้องใช้เวลาในการกำจัดนานเป็นเพราะหนอนมีหลายระยะในเวลาเดียวกัน เช่น มีทั้งระยะที่เป็นหนอน มีทั้งระยะดักแด้ เราจึงไม่สามารถกำจัดให้หมดได้ในคราวเดียวได้
การระบาด
มักพบการระบาดบนต้นปาล์มน้ำมัน และมักพบการระบาดในช่วงฤดูแล้ง
วงจรชีวิต (รวม45-55วัน)
-ระยะไข่ 4 วัน รูปไข่สีใส แบนราบติดใบผิวเป็นมัน คล้ายหยดน้ำค้าง ถ้าส่องกับแสงแดดจะทำให้เห็นไข่ชัดเจนขึ้น ผีเสื้อจะวางไข่เป็นฟองได้ถึง 60-255 ฟอง กระจัดกระจายใต้ใบย่อยของทางใบปาล์มน้ำมัน ขนาดไข่ประมาณ 1.1×1.4 มิลลิเมตร
-ระยะหนอน 30-37 วัน หนอนที่ฟักจากไข่ใหม่ ๆ มีสีน้ำตาลอ่อน มีกลุ่มขนบนลำตัวเห็นไม่ชัดเจน ส่วนหัวหลบซ่อนอยู่ใต้ลำตัว เคลื่อนไหวช้า หนอนวัยนี้จะกินแทะผิวใบและก้านใบด้วย หนอนที่เจริญเต็มที่มีขนาดลำตัวกว้าง 5-6 มิลลิเมตร ยาว 17-22 มิลลิเมตร สีของลำตัวเป็นสีน้ำตาลแดงหรือเทา หรือมีแต้มสีเหลืองอยู่ประปราย
-ระยะดักแด้ 11-14 วัน รังดักแด้สีน้ำตาล รูปทรงกลม ขนาดของรังดักแด้โดยประมาณ 9 x 11 มม. รังดักแด้จะอยู่ตามซอกโคนทางใบซอกมุมของใบย่อยหรือตามใบพับของใบย่อย
-ระยะตัวเต็มวัย 2-9 วัน เป็นผีเสื้อกลางคืนนาดเล็ก เวลากลางวันผีเสื้อเกาะนิ่งหุบปีกไม่เคลื่อนไหว จะเคลื่อนไหวบินในช่วงพลบค่ำจนถึงรุ่งเช้า ไม่เคลื่อนไหวในเวลากลางวัน
การป้องกันการระบาด (หนอนหน้าแมว / หนอนร่านสี่เขา / หนอนร่านสีน้ำตาล)
1. หมั่นสำรวจการระบาดของหนอนหน้าแมวเป็นประจำ เมื่อพบกลุ่มหนอนให้ติดตามด้วยว่าหนอน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือลดลงเพื่อตัดสินใจพ่นสารฆ่าแมลงกำจัดก่อนที่หนอนจะเพิ่มขยายจนเป็นวงกว้าง
2. ควรเลือกใช้สารฆ่าแมลงที่มีผลกระทบต่อศัตรูธรรมชาติน้อยที่สุด เพราะแมลงศัตรูธรรมชาติในสวนปาล์มน้ำมันเหล่านี้มีความสามารถในการควบคุมหนอนได้อย่างดี
3. ไม่ควรใช้สารกำจัดวัชพืชมากเกินไป และควรมีพืชคลุมดิน หรือปล่อยให้มีวัชพืชต้นเล็กที่ออกดอกสม่ำเสมอขึ้นอยู่ในสวน เพื่อเป็นแหล่งอาหารของแมลงศัตรูธรรมชาติ
การกำจัด (หนอนหน้าแมว / หนอนร่านสี่เขา / หนอนร่านสีน้ำตาล)
1. โดยวิธีจับแมลงโดยตรง เช่น ตัดใบย่อยที่มีหนอนทำลายหรือจับผีเสื้อ ซึ่งเกาะนิ่งในเวลากลางวันตามใต้ทางใบปาล์มน้ำมัน หรือเก็บดักแก้ตามซอกโคนทางใบรอบลำต้น
2. ใช้กับดักแสงไฟ โดยใช้แสงไฟ Black light หรือหลอดนีออนธรรมดา วางบนกะละมังพลาสติก ซึ่งบรรจุน้ำผสมผงซักฟอก ให้หลอดไฟอยู่เหนือน้ำประมาณ 5 – 10 ซม. วางล่อผีเสื้อช่วงเวลา 18.00 – 19.00 น. สามารถช่วยกำจัดการขยายพันธุ์ในรุ่นต่อไป
3. ใช้สารฆ่าแมลงพ่น เริ่มพ่นสารตั้งแต่หนอนยังเล็กอยู่ ควรพ่นซ้ำที่เดิมอีก 1 ครั้ง โดยห่างจากครั้งแรกประมาณ 10 วัน ได้แก่
-carbaryl (Sevin 85 % MP) ต่ออัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร lambda cyhalothrin (Karate 2.5 % EC) ในอัตรา 10 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
-trichlorfon (Dipterex 95 % WP) ในอัตรา 15 – 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร deltamethrin (Decis 3 % EC) ในอัตรา 5 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
-permethrin (Ambush 25 % EC) ในอัตรา 5 – 10 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
-cyfluthrin (Baythriod 10 % EC ) ในอัตรา 5 – 10 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
-chlorpyrifos (Lorsban 40 % EC) ในอัตรา 20 – 30 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
-pirimiphos methyl (Actellic 50 % EC) ในอัตรา 20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
4. ใช้สารฆ่าแมลงประเภทพ่นฝุ่น เช่น carbaryl (Sevin 5% D)หรือ fenvalerate (Sumicidin 0.3% D) พ่นในช่วงที่มีน้ำค้างเกาะที่ใบ (เวลากลางคืน) ซึ่งต้องระมัดระวังในการปฏิบัติงาน และใช้ในกรณีจำเป็นจริง ๆ
5. ใช้เชื้อ Bacillus thuringiensis (เชื้อ 16,000 i.u) จำนวน 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร สารฆ่าแมลงประเภทเชื้อแบคทีเรียทำลายเฉพาะหนอนแมลงศัตรูปาล์มน้ำมันเท่านั้น ไม่ทำอันตรายต่อแมลงที่มีประโยชน์
6. การเจาะลำต้นใส่สารฆ่าแมลงประเภทดูดซึม จำนวน 10 – 15 มล. ต่อต้น
7. ใช้สารสกัดสะเดา กลุ่มงานวิจัยการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ได้ทดลองโดยใช้สะเดาอัตราความเข้มข้น 5 % สามารถกำจัดหนอนได้ผลดี
8. การใช้วิธีผสมผสาน เป็นการนำวิธีการกำจัดหลายๆ วิธีมาใช้ร่วมกัน เช่น
-การใช้กับดักแสงไฟล่อผีเสื้อในช่วงดักแด้กำลังออกเป็นผีเสื้อสลับกับการใช้สารฆ่าแมลงหรือเชื้อแบคทีเรียในช่วงเป็นหนอนวัยที่ 2 – 3
-การใช้เชื้อแบคทีเรียสลับกับการใช้สารฆ่าแมลง
-การใช้ตัวห้ำสลับกับการใช้เชื้อแบคทีเรีย
-การใช้ระดับเศรษฐกิจเป็นเครื่องกำหนดการฉีดพ่นสารฆ่าแมลง หรือเชื้อแบคทีเรีย
9. ในกรณีที่มีการระบาดเป็นพื้นที่กว้าง สามารถพ่นสารฆ่าแมลงทางเครื่องบิน สามารถปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว และประหยัดแรงงาน
4 หนอนปลอกเล็ก
ชื่อสามัญ The Case Caterpillar
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cremastopsyche pendula Joannis
ชื่อวงศ์ Psychidge
ชื่ออันดับ Lepidoptera
ลักษณะการทำลาย
หนอนปลอกเล็กจะแทะผิว ทำให้ใบแห้งเป็นสีน้ำตาล และกัดทะลุใบเป็นรูและขาดแหว่ง ถ้ารุนแรงจะเห็นทางใบทั้งต้นเป็นสีน้ำตาลแห้ง ทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโตผลผลิตลดลง
รูปร่างลักษณะและชีวประวัติ
ไข่ สีครีม รูปทรงกลมอยู่เป็นกลุ่ม วางไข่ในซากดักแด้ของตัวเมียเอง และอยู่ภายในปลอกหุ้มอีกชั้นหนึ่ง ขนาดของไข่ 0.45 x 0.65 มม. อายุไข่นับตั้งแต่ ตัวเต็มวัยถูกผสมและวางไข่อยู่ภายในรังดักแด้
หนอนปลอกเล็ก คือ ศัตรูปาล์มน้ำมันชนิดนึง หนอนที่ฟักออกจากไข่ใหม่ ๆ มีลำตัวสีน้ำตาลไหม้ หัวสีดำ ขนาดความยาวประมาณ 0.8-1 มม. เวลาหนอนเคลื่อนไหวจะยกส่วนท้องขึ้นและแทะผิวใบผสมกับใยที่ออกมาจากปาก สร้างปลอกห่อหุ้มตัวเอง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงปลอกมีสีน้ำตาล ผิวเรียบ ขนาดปลอกมีความยาวตั้งแต่ 1.1-1.2 มม. ลักษณะปลอกมีรูเปิด 2 ทางเช่นเดียวกับหนอนปลอกใหญ่ส่วนหัวของตัวหนอนจะโผล่ออกมาทางช่องเปิดส่วนฐานปลอก ปลายปลอกเรียวแหลมมีรูเปิดไว้เพื่อให้หนอนขับถ่ายมูลออกมา หนอนวัยที่ 3 ส่วนหัวและลำตัวมีสีน้ำตาล หนอนจะสร้างปลอกหุ้มใหญ่ขึ้น และเริ่มนำเศษชิ้นส่วนของใบพืชแห้งชิ้นเล็ก ๆ ปะติดกับปลอกหุ้มด้วย ทำให้ผิวปลอกเริ่มขรุขระ หนอนวัย 1 – 4 กินอาหารแบบแทะผิวใบ หนอนวัยที่ 5 – 6 จะกัดกินทั้งใบ เมื่อหนอนเจริญเติบโตเต็มที่จะสร้างปลอกหุ้มตัวเองมีขนาดยาวตั้งแต่ 6.8 – 10.0 มม. ช่องเปิดฐานปลอกมักพบคราบกะโหลกขนาดต่าง ๆ ติดอยู่
5 หนอนทราย
หนอนทราย คืออะไร : หนอนทรายเป็นตัวอ่อนของแมลงปีกแข็ง ตระกูล เมโลลอนติดี้ ลำตัวอ้วนป้อม มีกรามใหญ่ แข็งแรง เคลื่อนที่ได้ด้วยการยืดและหดของลำตัว ส่วนท้องมีขนและหนาม ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่ใช้แยกชนิดของหนอนทราย ปัจจุบันหนอนทรายกำลังสร้างปัญหาปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับเกษตรการชาวสวนปาล์มน้ำมัน เนื่องจากเจ้าหนอนทรายหรือหนอนกราก ได้เข้ามากัดกินรากปาล์มน้ำมันที่มีอายุ 1 -4 จนยืนต้นตายนับพันไร่
หนอนทราย กับ การระบาดในประเทศไทย : ในช่วงประมาณปี 2552 พบหนอนทรายระบาดกัดกินรากต้นปาล์ม ทำให้ยืนต้นตาย จังหวัดพังงา เสียหายกว่าพันไร่ ซึ่งเมื่อขุดใต้โคนต้นปาล์มน้ำมันขึ้นมาก็พบหนอนทราย จำนวนมากกัดกินรากต้นปาล์มน้ำมัน เมื่อขุดต้นอื่นดูก็พบมีหนอนทรายแทบทุกต้น ซึ่งสร้างความเดือดร้อนแก่เกษตรกรอย่างมาก โดยมักพบในปาล์มน้ำมันที่มีอายุตั้งแต่ 1-4 ปี หนอนทรายหรือหนอนกรากได้กัดกินตั้งแต่โคนต้นจนถึงราก ทำให้ปาล์มนับพันไร่ จำนวนกว่า 400-500 ต้น ทยอยยืนต้นตาย ซึ่งทางเจ้าของสวนได้ทดลองใช้วิธีขุดโคนต้นเพื่อใส่ยากำจัดหนอน แต่ก็ไม่ได้ผล ซึ่งพบว่าปาล์มน้ำมันแต่ละต้นจะมีหนอนทรายหรือหนอนกราก 5-12 ตัวชอนไชกัดกินรากต้นปาล์มจนยืนต้นตาย
การป้องกันกำจัดหนอนทราย :
1. ดักจับตัวเต็มวัยช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ด้วยกับดักแสงไฟหรือตาข่ายในช่วงพลบค่ำ จะช่วยลดปริมาณแมลงได้เป็นอย่างดี
2. ปลูกตะไคร้ ซึ่งเป็นพืชที่หนอนชอบ เพื่อล่อให้หนอนออกมา แล้วจับทำลาย
3. ใช้สารเคมี ราดรอบโคนต้นปาล์ม แล้วกลบดิน ดังนี้
– คาร์โบซัลแฟน(Carbosulfan) 20%EC อัตรา 140-80 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ราดรอบๆ โคนต้นที่ถูกหนอนทรายทำลาย และต้นข้างเคียงต้นละ 1-2 ลิตร
– ฟิโปรนิล(Pipronil) 5%SC อัตรา 20 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ราดรอบๆ โคนต้นที่ถูกหนอนทรายทำลาย และต้นข้างเคียงต้นละ 1-2 ลิตร
4. ใช้สารเคมี ราดรอบโคนต้นปาล์ม
– พอสซ์ 80 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ใช้ 2 ลิตรต่อต้น หรือฟูราดานอัตรา 30-100 กรัม ต่อต้นขึ้นอยู่กับขนาดของต้นปาล์ม
ด้วง
1 ด้วงแรด
ชื่ออื่น –
ชื่อสามัญ : Coconut Rhinoceros Beetle
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Oryctes rhinoceros L.,Oryctes gnu Mohner
ชื่อวงศ์ : Scarabaeodae