บริษัทฯ แสดงถึงความมุ่งมั่นในการเปิดเผยข้อมูลสำคัญและผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างถูกต้องและโปร่งใส โดยเนื้อหาครอบคลุมธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารเป็นหลัก ภายใต้การดำเนินงานในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับกิจการ ที่เกิดขึ้นภายในรอบปีที่ผ่านมา ควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยเปิดเผยข้อมูลตามกรอบของโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน (CGR) และ กรอบการรายงาน Global Reporting Initiative (GRI)
การดำเนินงานและการติดตามด้านความยั่งยืน
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและพัฒนาความยั่งยืน กำกับ ดูแล ให้คำปรึกษา ทบทวนการดำเนินงานด้านบรรษัทภิบาลและพัฒนาความยั่งยืนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสรุปผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการบริษัทฯ ทราบ
3.1 การจัดการผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ
บริษัทฯ มีความตระหนักถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จึงได้ทำความเข้าใจถึงความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อพิจารณาถึงแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการจัดการและกำหนดประเด็นสาระสำคัญ เพื่อบริษัทฯ จะสามารถคิดค้น คาดการณ์และตอบสนองได้อย่างตรงประเด็น รวมถึงการสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ๆ สำหรับลูกค้าที่มีความต้องการที่หลากหลายควบคู่ไปกับการดำเนินตามวิสัยทัศน์ เพื่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น
3.1.1 ห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ
การแสดงถึงความสัมพันธ์ของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าและบริการ โดยสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าที่บริษัทฯ ส่งมอบให้ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องในแต่ละกิจกรรม ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมตลอดห่วงโซคุณค่าของ 2 ประเภท ดังนี้
กิจกรรมหลัก คือ การเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่องของ 5 กิจกรรมหลัก ตามบริบทของธุรกิจพาณิชย์ ดังนี้
กิจกรรมในห่วงโซ่คุณค่า |
กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง |
ผู้มีส่วนได้เสีย |
1. การบริหารจัดการปัจจัยผลิต เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นและสนับสนุนด้านปัจจัยการผลิต รวมถึงลักษณะความสัมพันธ์ของคู่ค้าหรือผู้ส่งมอบวัตถุดิบ หรือสิ่งที่ใช้เป็นปัจจัยในการผลิตสินค้า |
· การจัดหาและจัดซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพ อย่างมีประสิทธิภาพ · การพิจารณารับซื้อวัตถุดิบจากผู้ปลูกปาล์มรายย่อย หรือ เกษตกรรายย่อย · การกำหนดราคารับซื้อผลปาล์มสดที่ราคาเป็นกลาง · กระบวนการจัดซื้อและคัดเลือกคู่ค้าที่เป็นธรรม ไม่กีดกันทางการค้า ไม่เลือกปฏิบัติ |
· เกษตรกรผู้ปลูกผลปาล์มรายย่อย และ ผู้บริการจัดหาผลปาล์มสด · หน่วยงานภาครัฐ / หน่วยงานกำกับที่ควบคุมมาตรฐานด้านวัตถุดิบและสินค้า · พนักงานที่ทำหน้าที่จัดซื้อ จัดหาวัตถุดิบ
|
2. การปฏิบัติการ
|
· ผลิตและแปรรูปวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ · คำนึงถึงความปลอดภัยของกระบวนการผลิต และลดของเสียที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม · ตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด · ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้า · การผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้า · การคิดค้น วิจัย และพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์และตามความต้องการของลูกค้า |
· คู่ค้าที่รับซื้อผลิตภัณฑ์โดยตรงกับบริษัทฯ เพื่อไปจัดจำหน่าย · คู่สัญญา / คู่ค้า (กรณีว่าจ้าง · พนักงานที่ทำหน้าที่ผลิตสินค้า · หน่วยงานภาครัฐ / หน่วยงานกำกับที่ควบคุมมาตรฐานการผลิต · ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ |
3. การกระจายสินค้าและบริการ |
· คลัง / ศูนย์กระจายสินค้า อยู่ในที่ตั้งที่เหมาะสม สะดวกต่อการขนส่ง และมีระบบการจัดการโดยรวมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม · คลัง / ศูนย์กระจายสินค้า ที่มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการคำสั่งซื้อ · คลัง / ศูนย์กระจายสินค้า มีความพร้อมในการจัดเก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ รักษาคุณภาพของสินค้าได้เป็นอย่างดี · คัดเลือกผู้ให้บริการด้านการขนส่งที่ได้มาตรฐาน และมีกระบวนการจัดจ้างที่เป็นธรรม · ขนส่งและส่งมอบสินค้าด้วยบริการที่มีคุณภาพและตรงเวลา |
· ผู้ให้เช่าคลังสินค้า · ผู้รับจ้างขนส่ง · พนักงานประจำคลังสินค้า · ผู้บริโภค · ลูกค้า / ผู้กระจายสินค้า (ผ่านช่องทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของบริษัท) · ชุมชน สังคมรอบข้างคลังสินค้า |
4. การตลาดและการขาย
|
· การหาช่องทางการจัดจำหน่าย ที่ให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย เช่น ร้านค้าโชห่วย ร้านค้าออฟไลน์ / ออนไลน์ · การกำหนดราคาของสินค้า และจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างเหมาะสม · ให้บริการข้อมูลของสินค้าแก่ผู้บริโภคอย่างถูกต้องครบถ้วนทุกช่องทางการสื่อสาร |
· ลูกค้า · ตัวแทนจำหน่าย · ตัวแทนนายหน้าที่รับไปจำหน่าย · พนักงานขาย / พนักงานผู้ให้ข้อมูล · ผู้กระจายสินค้า (ผ่านช่องทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของบริษัทฯ)
|
5. การบริการหลังการขาย |
· มีการรับประกันสินค้าและความพึงพอใจ · มีระบบการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ |
· ลูกค้า · ผู้กระจายสินค้า · ตัวแทนนายหน้าที่รับไปจำหน่าย · พนักงานขายแต่ละกลุ่มสินค้า · พนักงานผู้รับข้อมูล / พนักงานบริการหลังการขาย |
กิจกรรมสนับสนุน คือ กิจกรรมที่สนับสนุนให้กิจกรรมหลักบรรลุเป้าหมาย ซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากิจกรรมหลัก โดยบริษัทฯ ได้มีการดำเนินการอย่างรอบคอบและปฏิบัติตามเกณฑ์การบริหารจัดการอย่างเหมาะสม ทั้งการบริหารทรัพยากรบุคคล การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสินค้าและบริการ การบริหารจัดการองค์กร การขนส่ง และ การจัดทำระบบบัญชีและการเงิน เป็นต้น
3.1.2 การวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ
ผู้มีส่วนได้เสีย คือ บุคคลหรือหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยแบ่งเป็น
1) ผู้มีส่วนได้เสียภายในองค์กร เช่น ผู้ถือหุ้น พนักงาน
2) ผู้มีส่วนได้เสียภายนอกองค์กร เช่น ลูกค้า คู่ค้า หรือ ชุมชน เป็นต้น
โดยบริษัทฯ ได้ทำการประเมินความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย โดยผ่านกระบวนการรับฟัง การสัมภาษณ์ รวบรวมรายงาน การสำรวจความพึงพอใจ การประชุมกลุ่มย่อย การประชุมเชิงปฏิบัติการ หรือช่องทางการรับเรื่องร้องเรียน เป็นต้น เพื่อให้ทราบถึงผลกระทบและประเด็นที่เกี่ยวโยงกับบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียทุกส่วนทั้งด้านบวกและด้านลบ
เมื่อทราบความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียแล้ว บริษัทฯ จึงได้สรุปแนวทางการตอบสนองความคาดหวังนั้น เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือและการสร้างคุณค่าร่วมกันระหว่างบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียทุกส่วน ลดความเสี่ยงด้านต่างๆ ในการดำเนินงาน และยังถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจอีกด้วย
ผู้มีส่วนได้เสีย ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน
ช่องทางการมีส่วนร่วม ประชุมสามัญประจำปี ประชุมวิสามัญ การชี้แจงผลการดำเนินงาน
รายไตรมาส รายงานประจำปี ช่องทางการสื่อสารต่างๆ เช่น เว็บไซต์ อีเมล์ โทรศัพท์ ไลน์ เฟสบุ๊ค ช่องทางการร้องเรียน (Whistle Blowing)
ข้อเสนอแนะ / ความคาดหวัง / ความสนใจของผู้มีส่วนได้เสีย
การตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย
ผู้มีส่วนได้เสีย พนักงาน
ช่องทางการมีส่วนร่วม
ข้อเสนอแนะ / ความคาดหวัง / ความสนใจของผู้มีส่วนได้เสีย
การตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย
ผู้มีส่วนได้เสีย ผู้บริโภคและลูกค้า
ช่องทางการมีส่วนร่วม เปิดโอกาสให้เข้าดูตรวจสอบกระบวนการผลิต ช่องทางการสื่อสารต่างๆ เช่นเว็บไซต์ อีเมล์ โทรศัพท์ ไลน์ เฟสบุ๊ค ช่องทางการร้องเรียน (Whistle Blowing)
ข้อเสนอแนะ/ความคาดหวัง/ ความสนใจของผู้มีส่วนได้เสีย
การตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย
ผู้มีส่วนได้เสีย คู่ค้า คู่สัญญา / ผู้รับจ้างผลิต
ช่องทางการมีส่วนร่วม เปิดโอกาสให้เข้าดูตรวจสอบ กระบวนการผลิต ช่องทางการสื่อสารต่างๆ เช่น อีเมล์ โทรศัพท์ ไลน์ ช่องทางการร้องเรียน (Whistle Blowing)
ข้อเสนอแนะ/ความคาดหวัง/ ความสนใจของผู้มีส่วนได้เสีย
การตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย
ผู้มีส่วนได้เสีย หน่วยงานภาครัฐ / หน่วยงานกำกับ
ช่องทางการมีส่วนร่วม การมีส่วนร่วมในกิจกรรมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่อเนื่อง การจัดทำรายงานหรือการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ
ข้อเสนอแนะ/ความคาดหวัง/ ความสนใจของผู้มีส่วนได้เสีย
การตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย
ผู้มีส่วนได้เสีย ชุมชนและสังคม
ช่องทางการมีส่วนร่วม
ข้อเสนอแนะ / ความคาดหวัง / ความสนใจของผู้มีส่วนได้เสีย
การตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย
ผู้มีส่วนได้เสีย คู่แข่งทางการค้า
ช่องทางการมีส่วนร่วม ช่องทางการร้องเรียน (Whistle Blowing)
ข้อเสนอแนะ / ความคาดหวัง / ความสนใจของผู้มีส่วนได้เสีย
การตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย
3.2 การจัดการด้านความยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้กฎหมาย ข้อกำหนด กฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และครอบคลุมถึงการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า พร้อมให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ การจัดการของเสียอย่างเป็นระบบ การคำนึงถึงการจัดการดูแลและควบคุมผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ พร้อมส่งเสริมให้พนักงานมีจิตสำนึกและมีส่วนร่วมในการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในด้านการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า
3.2.1 นโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยยึดมั่นในการปรับปรุงขั้นตอนต่างๆ รวมถึงการสร้างจิตสำนึกแก่พนักงานทุกระดับโดยมีแนวทาง ส่งเสริมพัฒนาเทคโนโลยี โดยคำนึงถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ ส่งเสริมและปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ส่งเสริมความเชื่อถือในสังคมและชุมชน และส่งเสริมการอบรมเพื่อสร้างจิตสำนึกแก่พนักงานทุกระดับ
แนวปฏิบัติ
การประเมินผลกระทบ
ด้วยบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจในรูปแบบของโรงงานการผลิตน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ดังนั้นการผลิตตั้งแต่เริ่มจะมีส่วนการใช้น้ำและการใช้ไฟฟ้าอย่างมากเพื่อให้กระบวนการผลิตสามารถดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการผลิตจะมีของเสียอาทิเช่น น้ำเสีย และของเสียจากปาล์ม บริษัทฯ ได้พิจารณาผลกระทบพบว่าประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมีผลกระทบร้ายแรงต่อบริษัทฯ จึงได้กำหนดแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปตามหลัก
อาชีวอนามัยและความปลอดภัย และให้เป็นไปตามตามกฎหมาย ข้อกำหนด และระเบียบปฏิบัติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
3.2.2 ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม
1) การจัดการน้ำ
บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญในการใช้ประโยชน์จากน้ำให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด จึงได้จัดทำมาตรการประหยัดน้ำและกระบวนการดูแลระบบน้ำขึ้นจำนวน 4 มาตรการ ดังนี้
มาตรการที่ 1 มาตรการซ่อมบำรุงท่อส่งน้ำและระบบการจ่ายน้ำภายในกระบวนการผลิต เพื่อลดการรั่วไหล
มาตรการที่ 2 มาตรการแยกประเภทน้ำภายในโรงงาน และ จัดประเภทน้ำให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อใช้งานน้ำอย่างคุ้มค่ามากที่สุด
มาตรการที่ 3 มาตรการนำน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิต (Reject RO) กลับมาใช้งานเป็นน้ำประปา (ประปาเกรด B) เพื่อเป็นการลดปริมาณน้ำดิบลงที่เข้าผลิต
มาตรการที่ 4 มาตรการการติดตามการใช้น้ำ หน่วยงานผู้ดูแลระบบน้ำ มีการทำรายงานสรุปปริมาณการใช้น้ำเปรียบเทียบกับปริมาณการผลิตสินค้า เพื่อแจ้งให้หน่วยงานผู้ใช้น้ำทราบถึง อัตราส่วนการใช้น้ำของแต่ละหน่วยงานทุกเดือน
เป้าหมายการใช้น้ำ
ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา
สถิติการใช้น้ำในกระบวนการผลิตและการใช้งานในส่วนงานต่างๆ
ข้อมูล |
หน่วย |
ปี 2566 |
ปี 2565 |
ปี 2564 |
เป้าหมายการใช้น้ำจากภายนอก |
ลูกบาศ์กเมตรต่อปี |
n/a |
n/a |
n/a |
ปริมาณการใช้น้ำจากภายนอก |
ลูกบาศ์กเมตรต่อปี |
0 |
0 |
0 |
ปริมาณการใช้น้ำดิบ |
ลูกบาศ์กเมตรต่อปี |
611,981 |
614,518 |
537,746 |
หมายเหตุ ปริมาณน้ำดิบในปี 2566 ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากกระบวนการผลิตโรงสกัดที่ลดลง
2) การจัดการน้ำเสีย
เนื่องด้วยจะมีน้ำที่ผ่านกระบวนการผลิตบางส่วนไม่สามารถนำกลับเข้ากระบวนการนำน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิต (Reject RO) กลับมาใช้งานเป็นน้ำประปา (ประปาเกรด B) ได้ น้ำในส่วนนี้จะถูกแยกนำไปกักเก็บในบ่อน้ำเสียเพื่อนำไปเข้ากระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพหรือผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าทดแทนเพื่อกลับมาใช้ในกระบวนการผลิต หรือนำน้ำไปผ่านกระบวนการบำบัดขั้นสุดท้ายซึ่งมีแร่ธาตุอาหารสูง เพื่อนำไปใช้สำหรับรดน้ำในสวนของเกษตรกรรอบข้างที่ต้องการน้ำในหน้าแล้ง บริษัทฯ จึงได้มีโครงการเทคโนโลยีผลิตก๊าซชีวภาพจัดการน้ำเสียเพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม และโครงการเดินท่อน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วไปสถานีพัฒนาอาหารสัตว์และเกษตรกรที่อยู่รอบบริเวณสถานประกอบการ เพื่อจัดการน้ำและน้ำเสียของบริษัทฯ
เป้าหมาย
บริษัทฯ ไม่มีการปล่อยน้ำทิ้งที่เกินกว่ามาตรฐานและกฎหมายกำหนด และไม่มีข้อร้องเรียนหรือถูกลงโทษด้านสิ่งแวดล้อม
ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา
บริษัทฯ ไม่มีการปล่อยน้ำทิ้งที่เกินกว่ามาตรฐานและกฎหมายกำหนด และไม่มีข้อร้องเรียนที่ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
2.1) โครงการเทคโนโลยีผลิตก๊าซชีวภาพจัดการน้ำเสีย เพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ ได้ดำเนินการธุรกิจโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบและโรงกลั่นน้ำมันบริสุทธิ์ เป็นโรงงานอุตสาหกรรมเกษตรที่ครบวงจรโดยดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปี ปัญหาที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจคือการจัดการน้ำเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิต โดยอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม มลภาวะด้านสุขอนามัย กลิ่นและแมลงรบกวน ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อชุมชนและการผลิตของบริษัทฯ รวมทั้งปัญหาภาวะโลกร้อนจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
บริษัทฯ ได้มีความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เป็นประโยชน์สูงสุด โดยมุ่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้คงอยู่ในสภาพดีตลอดไป และเพื่อให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม จึงจัดตั้งโครงการ Biogas หรือกระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพ เป็นการกำจัดน้ำเสียโดยใช้ระบบปิด (Anaerobic) เพื่ออนุรักษ์พลังงาน และสิ่งแวดล้อม โดยนำก๊าซชีวภาพที่ได้จากกระบวนการบำบัดน้ำเสียของโรงงานกลับมาใช้ใหม่เป็นพลังงานทดแทนในกระบวนการผลิตของโรงงาน ซึ่งดำเนินการก่อสร้างระบบเมื่อปี พ.ศ. 2549 และขยายระบบการผลิต Biogas ระยะที่ 2 แล้วเสร็จเมื่อปี 2557 เพื่อรองรับการจัดการน้ำเสีย และของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตในปัจจุบันให้มีประสิทธิผลสูงสุด
วัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการเพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีก๊าซชีวภาพถังหมักแบบ A+CSTRth (Appropriate+Completely Stirred Tank Reactor, Thailand) และระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการจัดการน้ำเสียจากกระบวนการผลิตน้ำมันปาล์ม เพื่อผลิตก๊าซชีวภาพเป็นพลังงานทดแทน ตลอดจนการลดมลภาวะที่เกิดจากน้ำเสีย และบำบัดน้ำเสียของโรงงาน โดยมีเป้าหมายงานโครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีก๊าซชีวภาพจัดการน้ำเสียเพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมดังนี้
1) สร้างระบบก๊าซชีวภาพ ถังหมักแบบ A+CSTRth, A+HCSRth และระบบอื่นๆ ทีเกี่ยวข้อง รองรับน้ำเสียจากกระบวนการผลิตผลปาล์มสดสูงสุดที่ 2,160 ตัน/วัน
2) ผลิตและใช้ประโยชน์จากก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้ จำนวนประมาณ 40,000 ลบ.ม./วัน ค่ามีเทน 60% เป็นพลังงานทดแทนเชื้อเพลิงชีวมวล
3) ผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายประมาณ 3.36 Mkh.
4) ผลิตสารปรับปรุงดิน ประมาณ 35 ตัน/วัน มีความชื้น 70%-80%rh เพื่อนำกลับไปใช้เป็นแหล่งธาตุอาหาร และปรับปรุงดินในสวนปาล์มของบริษัทฯ
5) ผลิตปุ๋ยน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วประมาณ 600-700 ลบ.ม./วัน เพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์เป็นปุ๋ยน้ำเพื่อการเกษตร
6) ส่งน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้ว ไปยังสถานีพัฒนาอาหารสัตว์เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป
7) ลดปัญหามลภาวะเรื่องกลิ่น แมลงรบกวน และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตก๊าซชีวภาพ ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการน้ำเสียโรงงานผลิตน้ำมันปาล์ม ใช้เทคโนโลยีถังหมักก๊าซชีวภาพแบบ A+CSTRth (Appropriate + Completely Stirred Tank Reactor, Thailand) และ A+UASBth (Upflow Anaerobic Sludge Blanket,Thailand), A+HCSRth (Appropriate +High Concentration Sludge Reactor, Thailand) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสีบแบบไม่ใช้อากาศ เป็นองค์ประกอบหลักเพื่อใช้ในการหมักย่อยสลายสารอินทรีย์ที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำเสีย ซึ่งมีความเข้มข้นของสารแขวนลอย และ COD สูง โดยกลุ่มแบคทีเรียที่ไม่ใช้อากาศ จะย่อยสารอินทรีย์ให้สลายและเปลี่ยนรูปกลายเป็นก๊าซชีวภาพ ซึ่งก๊าซชีภาพที่ผลิตได้จะถูกรวบรวมและนำไปใช้ประโยชน์เป็นพลังงานทดแทนเพื่อใช้ในโรงงานต่อไป
น้ำเสียที่ผ่านการหมักย่อยสลายจากถังหมัก A+CSTRth, A+UASBth และ A+HCSRth สามารถลดค่าความสกปรกในรูป COD ประมาณร้อยละ 90 และส่วนของกากตะกอนที่ออกจากถังหมัก จะถูกส่งเข้าระบบแยกของแข็งในลานกรองของแข็งกากอินทรีย์ และสามารถนำไปใช้เป็นสารปรับปรุงดิน ส่วนของน้ำที่ผ่านลานกรองของแข็งจะถูกส่งไปบำบัดในระบบบำบัดขั้นหลัง ซึ่งเป็นระบบบ่อเปิด เพื่อให้ได้น้ำที่มีคุณภาพเหมาะสมที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์เป็นปุ๋ยน้ำเพื่อการเพาะปลูกต่อไป
ประโยชน์ต่อโรงงาน ลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ก๊าซชีวภาพทดแทนน้ำมันเตาและเชื้อเพลิงชีวมวล, ลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีจากการใช้ปุ๋ยน้ำและสารปรับปรุงดินทดแทน, พนักงานมีคุณภาพชีวิตและมีสุขภาพอนามัยดีขึ้น, ลดปัญหามลภาวะ เรื่องกลิ่นและแมลงรบกวนที่อาจเป็นพาหะนำโรค ฯลฯ
ประโยชน์ต่อชุมชนใกล้เคียง ลดปัญหาเรื่องกลิ่นและแมลงรบกวนระหว่างชุมชนกับโรงงาน, คุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตของชุมชนดีขึ้น, ลดปัญหาการปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ฯลฯ
ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมจากการลดมลพิษทางอากาศทางดิน ทางน้ำ และลดปัญหาการปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ, ลดการปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อนโดยนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทน ฯลฯ
สถิติการจัดการน้ำเสีย
ข้อมูล |
หน่วย |
ปี 2566 |
ปี 2565 |
ปี 2564 |
ปริมาณน้ำเสียที่ออกจากกระบวนการผลิต |
ลูกบาศ์กเมตร |
227,418 |
280,898 |
241,424 |
พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ |
Mkh. |
11,404 |
15,830 |
10,225 |
หมายเหตุ ปริมาณน้ำเสียที่ออกจากกระบวนการผลิตในปี 2566 ลดลงจากปีก่อน เนื่องด้วยปริมาณผลปาล์มสดที่เข้ากระบวนการผลิตลดลง
2.2) โครงการเดินท่อน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วไปสถานีพัฒนาอาหารสัตว์และเกษตรกรที่อยู่รอบบริเวณสถานประกอบการ
การดำเนินงานโครงการนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงาน คือ บริษัท ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน), สถานีพัฒนาอาหารสัตว์จังหวัดชุมพร และ เกษตรกรสวนรอบบริเวณสถานประกอบการ เพื่อทำการส่งน้ำที่ได้ผ่านกระบวนการบำบัดขั้นสุดท้ายซึ่งมีแร่ธาตุอาหารสูงไปใช้สำหรับรดหญ้าเนเปียร์ในสถานีพัฒนาอาหารสัตว์ชุมพรสำหรับเป็นอาหารสัตว์และเป็นพืชพลังงานทดแทน และเพื่อส่งน้ำที่ได้ผ่านกระบวนการบำบัดขั้นสุดท้ายไปยังสวนปาล์มของเกษตรกรที่อยู่รอบบริเวณสถานประกอบการซึ่งจะสามารถลดต้นทุนจากการใช้ปุ๋ยเคมีและปัญหาปาล์มขาดแคลนน้ำได้
เส้นทางการวางท่อน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้ว ดำเนินการโดยการวางท่อน้ำที่ผ่านกระบวน การบำบัดแล้วจากบ่อสุดท้ายหลังผ่านระบบการผลิตก๊าซชีวภาพไปยังสถานีพัฒนาอาหารสัตว์ มีระยะทาง 2.8 กม. มีจุดปล่อยน้ำดังกล่าวเข้าสวนปาล์มของเกษตรกรรอบข้าง เพื่อให้เกษตรกรนำไปรดต้นปาล์มทดแทนปุ๋ย และไปสิ้นสุดที่สถานีพัฒนาอาหารสัตว์ โดยจัดเก็บในถังขนาดบรรจุ 25 ลบ.ม. จำนวน 2 ถัง ซึ่งทางสถานีพัฒนาอาหารสัตว์ ใช้น้ำดังกล่าวสำหรับรดต้นหญ้าเนเปียร์ซึ่งเป็นพืชอาหารสัตว์ที่มีศักยภาพสูงทั้งในแง่การให้ผลผลิตและมีคุณค่าทางอาหารที่ดีตามที่สัตว์ต้องการ อีกทั้งหญ้าเนเปียร์สามารถนำมาผลิตเป็นพลังงานได้ ซึ่งถือว่าเป็นชีวมวลประเภทหนึ่ง เนื่องจากเป็นหญ้าที่มีเยื่อใยและมีความชื้นสูง สามารถนำมาผลิตเป็นพลังงานได้ทั้งการนำไปเผาตรงหลังจากผ่านกระบวนการลดความชื้นแล้ว และการนำไปหมักเป็นก๊าซชีวภาพหรือมีเทน
นอกจากนี้ ยังนำน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วไปปล่อยลงในแปลงปลูกหญ้าแพงโกล่า ในสถานีพัฒนาอาหารสัตว์ ซึ่งหญ้าแพงโกล่านี้ คืออาหารหลักสำหรับโค กระบือ ซึ่งปัจจุบันค่อนข้างหายากและราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากยังไม่มีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน ยังคงมีการส่งน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วไปยังสถานีพัฒนาอาหารสัตว์และมีจุดกระจายน้ำเข้าสวนปาล์มของเกษตรกรบ้านคันธทรัพย์ หมู่ที่ 2 ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ และเกษตรกรรอบข้างอย่างต่อเนื่อง ได้รับการตอบรับที่ดีจากชุมชนในด้านการบริหารจัดการน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วให้เกิดประโยชน์โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมที่เป็นผลต่อการดำรงชีวิตประจำวันของชุมชน
บริษัทฯ ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออาทรและอย่างยั่งยืนตลอดไป
สถิติการจัดการน้ำที่ผ่านการบำบัด
ข้อมูล |
หน่วย |
ปี 2566 |
ปี 2565 |
ปี 2564 |
ปริมาณน้ำเสียที่ผ่านการบำบัด |
ลูกบาศ์กเมตร |
227,416 |
280,898 |
241,424 |
ปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัดส่งออกเพื่อการเพาะปลูก |
ลูกบาศ์กเมตร |
201,760 |
231,585 |
207,261 |
ค่าใช้จ่ายในการจัดการ กรณีที่ไม่ดำเนินการโครงการ |
ล้านบาท |
30 |
34 |
31 |
หมายเหตุ ปริมาณน้ำเสียที่ออกจากกระบวนการผลิตในปี 2566 ลดลงจากปีก่อน เนื่องด้วยปริมาณผลปาล์มสดที่เข้ากระบวนการผลิตลดลง
3) การจัดการพลังงานไฟฟ้า
ไฟฟ้าถือเป็นพลังงานที่สำคัญในการเดินเครื่องจักรของบริษัทฯ และถือเป็นต้นทุนที่สูงหากบริษัทฯ ต้องซื้อไฟฟ้าจากภายนอกเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต ดังนั้น บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญและดำเนินการสนับสนุนพร้อมส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในการบริหารจัดการไฟฟ้าภายในองค์กรด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างคุ้มค่ามากสูงสุด รองรับมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งปลูกจิตสำนึกให้พนักงานเข้าใจและมีส่วนร่วมกับการจัดการพลังงานด้านพลังงานขององค์กรอย่างยั่งยืน
เป้าหมายการใช้ไฟฟ้า
ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา
สถิติการใช้พลังงานไฟฟ้า
ข้อมูล |
หน่วย |
ปี 2566 |
ปี 2565 |
ปี 2564 |
เป้าหมายปริมาณการใช้ไฟฟ้าจากภายนอก |
Mwh |
n/a |
n/a |
n/a |
ปริมาณการใช้ไฟฟ้าจากภายนอก |
Mwh |
413 |
230 |
874 |
ปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตเอง |
Mwh |
29,214 |
33,728 |
26,452 |
ปริมาณไฟฟ้าผลิตขายให้การไฟฟ้า |
Mwh |
5,939 |
10,062 |
6,790 |
4) การจัดการเพื่อลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการจัดการเพื่อลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ภายในโรงงาน โดยมีการบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดังนี้
1) การนำน้ำเสียจากกระบวนการผลิตในโรงงานมาผลิตไบโอแก๊ส (Biogas) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพใช้ในโรงกลั่นน้ำมันและผลิตไฟฟ้าใช้ภายในโรงสกัดน้ำมันปาล์มส่วนที่เหลือใช้จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
2) มีการนำไอเสียที่ปล่อยทิ้งเกิดจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้านำกลับมาเป็นพลังงานความร้อนสำหรับหม้อไอน้ำขนาด 10 บาร์ เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์ม
3) มีการใช้วัสดุเหลือที่ไม่ใช้แล้วเพื่อเป็นสารปรับปรุงบำรุงดินในสวนปาล์ม เพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมี
4) มีการจัดการด้านพลังงาน เช่น เมื่อมีการเปลี่ยนหลอดไฟแสงสว่าง ก็ปรับเปลี่ยนเป็นหลอดไฟชนิดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและประหยัดไฟฟ้าอีกด้วย มีการทำความสะอาดเครื่องปรับ อากาศประจำปี เพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ มีการหยุดเดินเครื่องเพื่อประหยัดพลังอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง หรือจะเป็นการหยุดเดินเครื่องเพื่อสะสมวัตถุดิบเพื่อจะได้เดินเครื่องจักรอย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นต้น
ความสามารถในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ข้อมูล |
หน่วย |
ปี 2566 |
ปี 2565 |
ปี 2564 |
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก |
ตันคาร์บอนไดออกไซด์ |
5,345.66 |
2,462.50 |
2,462.50 |
หมายเหตุ เนื่องจากมีการผลิตและใช้น้ำดิบที่น้อยลงทำให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงจากปี 2565
5) การจัดการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (RSPO)
RSPO (Roundtable on Sustainable Palm Oil) เป็นมาตรฐานการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนโดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อชุมชน สืบเนื่องจากทั่วโลกมีความต้องการบริโภคน้ำมันปาล์มและการใช้ไบโอดีเซลเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มอย่างต่อเนื่อง จึงมีผลกระทบต่อสังคม สิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น จากแรงกดดันของผู้บริโภคทำให้อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มเกิดแนวคิดริเริ่มในการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืนขึ้น เพื่อสนับสนุนการเติบโตและใช้ประโยชน์น้ำมันปาล์มที่ผลิตจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำอย่างยั่งยืน
หลักเกณฑ์ที่กำหนดสำหรับการปลูกปาล์มตามมาตรฐาน RSPO มี 7 หลักการ คือ
1) มีจริยธรรมและความโปร่งใส ขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจที่มีจริยธรรม สร้างความไว้วางใจและความโปร่งใสกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและมั่นคง
2) ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายและเคารพสิทธิ ใช้ข้อกำหนดทางกฎหมายเป็นหลักการพื้นฐานของการดำเนินการในการควบคุม
3) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ประสิทธิผล ผลกระทบด้านบวก และมีความยืดหยุ่น ดำเนินการตามแผน ขั้นตอนและระบบเพื่อการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
4) เคารพชุมชนและสิทธิมนุษยชนและส่งมอบผลประโยชน์เคารพสิทธิชุมชน ให้โอกาสที่เท่าเทียม เพิ่มผลประโยชน์สูงสุดจากการมีส่วนร่วมและให้มั่นใจว่ามีการชดเชยเยียวยาเมื่อจำเป็น
5) สนับสนุนการรวมกลุ่มของเกษตรกรรายย่อย รวมเกษตรกรรายย่อยในห่วงโซ่อุปทานของ RSPO และปรับปรุงการดำรงชีวิตของเกษตรกรรายย่อยผ่านการเป็นหุ้นส่วนที่ยุติธรรมโปร่งใส
6) เคารพสิทธิและเงื่อนไขของคนงาน ปกป้องสิทธิของคนงานและดูแลให้มีสภาพการทำงานที่ปลอดภัยและเหมาะสม
7) ปกป้อง อนุรักษ์และเสริมสร้างระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ปกป้องสิ่งแวดล้อมอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและดูแลจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
ซึ่งแต่ละหลักการมีการกำหนด เกณฑ์ ตัวชี้วัด และแนวปฏิบัติ เพื่อยื่นขอการรับรองการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน
บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญต่อสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม จึงได้ปฏิบัติปรับเปลี่ยนวิธีการในทุกขั้น ตอนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดและเกณฑ์ปฏิบัติของ RSPO และได้ทำการยื่นขอรับรองระบบการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (RSPO) จนบริษัทฯ ได้รับการรับรอง version ล่าสุด ดังนี้
6) โครงการศูนย์การเรียนรู้ปาล์มน้ำมัน ซีพีไอ (CPI Learning Center)
การที่จะประสบความสำเร็จในการทำสวนปาล์ม เรื่องการจัดการถือว่ามีความสำคัญ ไม่น้อยไปกว่าการเลือกสายพันธุ์ที่ดี บริษัทฯ จึงมุ่งหวังให้เกษตรกรสามารถจัดการสวนปาล์มให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2556 จึงมีโครงการก่อสร้าง “ศูนย์การเรียนรู้ปาล์มน้ำมันซีพีไอ (CPI Learning Center)” ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับให้ความรู้เกี่ยวกับปาล์มน้ำมันอย่างครบวงจร โดยรวบรวมองค์ความรู้ต่างๆ ทั้งจากเอกสารทางวิชาการ งานวิจัยของบริษัทฯ และประสบการณ์จากการทำสวนปาล์มมากว่า 40 ปี ในพื้นที่สวนปาล์มกว่า 20,000 ไร่ โดยศูนย์การเรียนรู้ดังกล่าวตั้งอยู่ใน อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ประกอบด้วยอาคารศูนย์การเรียนรู้ ทางเดินสำหรับการชมปาล์มน้ำมันสายพันธุ์ต่างๆ และเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมได้ฟรี โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา โดยบริษัทฯ หวังว่าผู้ที่เข้าเรียนรู้จัดการสวนปาล์มของบริษัทฯ จะสามารถนำข้อมูลต่างๆ ไปประยุกต์ใช้กับสวนของตนเองและสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพออกจำหน่ายสู่ตลาดต่อไป
7) โครงการศึกษาการใช้ประโยชน์จากนกแสกเพื่อกำจัดหนูในสวนปาล์ม
บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม โดยจัดให้มีโครงการศึกษาการใช้ประโยชน์จากนกแสกเพื่อกำจัดหนูในสวนปาล์ม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสียหายของผลผลิตทะลายปาล์มสด ด้วยการควบคุมประชากรหนูโดยไม่ใช้สารเคมี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนในการใช้สารเคมีและนำไปสู่โครงการต้นแบบให้เกษตรกรหันมาใส่ใจและห่วงใยต่อธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และเปิดอบรมให้ผู้สนใจเข้ารับฟังตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา
นกแสก เป็นนกประจำถิ่นของไทย ซึ่งมีอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นนกกลางคืนที่อาศัยอยู่ใกล้ชุมชน ปกติใช้โพรงไม้ ซอกอาคาร หรือช่องใต้หลังคาเป็นรังวางไข่ กินหนูเป็นอาหาร มีพฤติกรรมล่าเหยื่อในที่โล่ง ทุ่งหญ้า ไร่นา และสวนปาล์มน้ำมัน มีการผสมพันธุ์วางไข่ และเลี้ยงลูกในช่วงเดือนกันยายน-กุมภาพันธ์ เลี้ยงลูก 2 ครอกติดต่อกัน จำนวนไข่รังละ 5-7 ฟอง เพศเมียจะฟักไข่ประมาณ 30 วัน ใช้เวลาฟักไข่ 10 ชั่วโมง/วัน ระยะแม่นกฟักไข่และช่วงที่ลูกยังเล็ก พ่อนกจะออกล่าเหยื่อนำมาป้อนให้แม่และลูกนกทุกวัน
จากการศึกษาส่วนประกอบของเศษอาหารที่นกแสกสำรอกออกมาในบริเวณรังนก พบว่านกแสกในสวนปาล์มน้ำมันกินหนูป่ามาเลย์เป็นอาหารเกือบ 100% โดยนกแสกกินหนูเฉลี่ยวันละ 1-2 ตัน หรือประมาณ 350-700 ตัว/ปี ซึ่งหนูจำนวนนี้ถ้าปล่อยให้กัดกินผลปาล์มน้ำมันจะทำความเสียหายต่อผลผลิตปีละ 1.1-2.5 ตัน/ไร่ คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียประมาณ 5,500-12,500 บาท/ไร่/ปี (ราคาทะลายปาล์มสด 4 บาท/กิโลกรัม) ขณะเดียวกันเกษตรกรยังต้องเสียเงินค่าซื้อสารเคมีและจ้างแรงงานวางยากำจัดหนูทำให้มีต้นทุนสูงขึ้นอีก 700-1,400 บาท/ไร่/ปี